เราต้องนึกว่า ถ้าเป็นน้ำหยดทีละหยด แรก ๆ ก็ยังไม่เห็นอะไรเพราะภาชนะใหญ่มาก อย่างเช่นกะละมัง หรือเป็นตุ่มน้ำ แต่พอให้น้ำหยดไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมีน้ำให้เห็น แล้วถ้าได้ขึ้นมาสักส่วนหนึ่ง ก็จะเห็นว่าที่แท้จริงสิ่งที่เราสะสมมานั้น มีมากเพียงพอแก่การใช้งานทีเดียว
โดยเฉพาะในการปฏิบัตินั้น กำลังของเราแต่ละวันไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและสมาธิจิตใจในช่วงนั้น ถ้าร่างกายเหนื่อยมาก หิวมาก หรือเจ็บไข้ได้ป่วย สมาธิก็มักจะไม่ทรงตัว การปฏิบัติก็จะไม่ได้อย่างใจต้องการ แต่ขอให้ทำไปเถอะ แล้วเข้าใจด้วยว่าจะมากจะน้อยเราก็ได้
เมื่อวานนี้สมาธิอาจจะดีมาก เปรียบเหมือนการทำงานก็คงจะหาเงินได้สักห้าร้อยหรือพันหนึ่ง แต่วันนี้สมาธิแย่ เปรียบไปแล้วคงได้สักห้าบาทสิบบาท แต่ขอให้รู้ว่าเราได้ ถ้าสมมติว่าเมื่อวานได้ห้าร้อย วันนี้ได้แค่สิบบาท รวมแล้วก็เป็นห้าร้อยกับสิบบาทไม่ได้หายไปไหน
เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องให้ทุกคนทำใจให้เย็นลงนิดหนึ่ง ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไปเรื่อย ขอให้กำหนดภาวนา และพิจารณาตามที่ศึกษาร่ำเรียนมา โดยตั้งความคิดว่าเรามีหน้าที่ภาวนาเท่านั้น ส่วนผลของการภาวนาจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่างเถอะ
ถ้าสามารถวางกำลังใจอย่างนี้ได้ ผลก็จะเกิดได้ง่าย เกิดได้เร็ว เพราะว่าสมาธิที่จะทรงตัวในระดับอัปปนาสมาธิ คือตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปนั้น จะต้องมีตัวอุเบกขาอยู่ในอารมณ์ฌานทุกระดับ ตัวอุเบกขานั่นแหละคือตัวที่เราวางกำลังใจว่า เรามีหน้าที่ทำ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ช่างเถอะ ถ้าไม่มีตัวอุเบกขากำลังใจก็จะไม่ทรงตัวเป็นฌาน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2011 เมื่อ 02:56
|