โลกียชนทำงานเพื่อโลกนี้กันเป็นส่วนใหญ่ 
 
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้
 
๑.    “โลกียชนทำงานเพื่อโลกนี้กันเป็นส่วนใหญ่ 
เขาไม่คิดถึงโลกหน้าเสียด้วยซ้ำไป ประมาททั้งเวลา ประมาททั้งความตาย ทำงานเพื่อให้ร่างกายอันพึงคิดว่าเป็นเราอยู่สุขสบาย มีกินมีใช้ในชาติปัจจุบันเท่านั้นเป็นพอ ใครจักว่าอย่างไรก็ช่าง เขาตักตวงเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ที่ไหนได้เงินดีเขาย่อมไปที่นั่นก่อนเป็นธรรมดา”
 
๒.    “
สำหรับคนทำบุญเพื่อโลกหน้า คือ บุคคลที่ปรารถนาในการเกิดอยู่ ทำบุญหวังผลตอบแทน ส่วนใหญ่ไปเป็นพรหม เทวดา นางฟ้า ตามกำลังของบุญก็จริงอยู่ แต่ผู้อธิษฐานทุกรายมิได้อธิษฐานอย่างนั้น โดยมากขอให้กลับมาเกิดใหม่ หวังร่ำรวย หวังรูปสวยเป็นสำคัญ”
 
๓.    “ในกรณีที่ทำบุญทำทาน ก็จักมีทรัพย์ร่ำรวยได้ หากบุคคลผู้อธิษฐานรักษาศีลด้วยก็จักมีรูปสวย แต่
คำว่ารวยก็ดี รูปสวยก็ดี คำว่าทรงตัวในสภาวะนั้นจริง ๆ ไม่มี รวยแค่ไหนในที่สุดเมื่อร่างกายถึงกาลแตกดับ ความพลัดพรากจากทรัพย์ก็ปรากฏ สวยแค่ไหนความเสื่อม ความตาย ก็ปรากฏแก่รูป ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เที่ยง”
 
๔.    “
โลกุตรธรรมเท่านั้นที่เที่ยง แต่คนที่รักษาศีลจนศีลรักษาคนนั้นมีน้อย นี่ระดับหนึ่ง อีกระดับหนึ่งคนรักษาสมาธิมีมาก แต่ทำจนสมาธิรักษาคนนั้นมีน้อย สำนักปฏิบัติไหน ๆ ต่างก็มีการนั่งสมาธิกัน แต่ก็ได้เท่าแต่ที่นั่ง ลุกแล้วลืมเลยก็มีมาก 
ความเป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูงจึงมีน้อย เพราะเหตุคนไม่เข้าใจสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ประการดีพอ จึงเป็นเรื่องยากที่จักได้บรรลุมรรคผล”
 
๕.    “เพราะฉะนั้น การพูดทุกครั้งของคุณหมอก็ดี ของเจ้าก็ดี 
อย่าลืมสรุปสังโยชน์ ๓ เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนฟังได้นำไปปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าเอาไว้ด้วย จุดนี้สำคัญมาก อย่าลืม”
 
 
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗ 
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
 
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ 
www.tangnipparn.com