ดูแบบคำตอบเดียว
  #97  
เก่า 22-04-2011, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,745
ได้ให้อนุโมทนา: 152,166
ได้รับอนุโมทนา 4,420,290 ครั้ง ใน 34,335 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปปฏิบัติธรรมที่อินเดียมาครับ พอเรามองเห็นคนที่เดินจงกรม มองแบบคนระเบิดกันเป็นชิ้น ๆ เลยครับ ตัวเราเองที่เป็นคนมองก็ระเบิดเป็นชิ้น ๆ ใจเราสะดุ้งกลัว แต่ตอนหลังมาเห็นว่าตรงที่สะดุ้งกลัวนั้นไม่ใช่เรา แต่เป็นอวิชชา และความสงสัยที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เราครับ ความเชื่อว่าตรงนี้ถูกหรือผิด โดยที่มีตัวเราเป็นคนตัดสินใจ อันนี้ก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พอเห็นอย่างนี้ได้ โลกก็เปิด เบา เพราะความคิดว่าตนเองถูกตอนนี้หรือต่อไปนี่ไม่ต้องไปสนใจเลย เพราะเป็นธรรมดาของโลก

ตอบ : มีผู้รู้บอกไว้ว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ก็คือการที่คิดว่าตัวเองรู้แล้ว เพราะทันทีที่เราคิดว่าเรารู้แล้ว เราจะไม่เปิดรับความรู้เพิ่มขึ้น ดังนั้น..ในเรื่องของหลักธรรม ท้ายสุดก็จะลงที่เดียวกัน

ลักษณะที่เราเห็นว่าระเบิดไป ความจริง คือ เห็นชัดว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา เขาก็ไม่ใช่เขา เราก็ไม่ใช่เรา แต่อาการที่เป็นอย่างนั้น ทำให้ความที่ยังเคยกลัวตายอยู่ ก็คืออวิชชาที่ยังรู้ไม่ครบ คือไม่รู้ว่าตายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้หวาดกลัวเป็นปกติ

ถาม : เหมือนกับว่าผลของการทำสมาธิภาวนา ได้นั่นได้นี่มา จริง ๆ แล้ว เป็นเหมือนกับสิ่งที่รู้และวางลงไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เอามาเป็นสาระว่า ฉันเป็นอย่างนั้นฉันเป็นอย่างนี้ กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากสมาธิภาวนาเท่านั้น

ตอบ : พอผ่านขั้นนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ได้แต่รอขั้นที่สูงกว่านั้น ยกเว้นว่าเราจะทวนขึ้นทวนลงเพื่อความคล่องตัวของเรา

ถาม : ความรู้ภายในภายนอก บางทีเราอยากจะรู้เรื่องนี้ สงสัยเรื่องนี้ บางทีก็เป็นอารมณ์ภายนอกของคนอื่นก็ได้ บางทีก็เป็นอารมณ์ภายในเราก็ได้ แต่ทั้งอารมณ์ภายนอกอารมณ์ภายใน ก็เป็นเพียงเป็นสิ่งที่ถูกรู้ และจะทำให้ทุกอย่างเบา พอเบาแล้วเราก็จะเข้าใจทุกอย่างตามความเป็นจริง แต่ว่าความเข้าใจเรา เรายังไม่เอามาเป็นอาหาร ไม่ได้เอามาเป็นเจ้าของ เพราะความเข้าใจนั้นก็ยังเป็นตัวหลอกเราได้อีก จึงเห็นเป็นธรรมดา พอมาเห็นตรงนี้เรารู้สึกว่าเบา จะให้เบาก็ได้ จะให้หนักก็ได้ จะรักก็ได้ จะเกลียดก็ได้ แต่ว่ามีความรู้ชัดเจน มีความเข้าใจกระจ่าง

ตอบ : พอมาตรงจุดนี้แล้ว จะมีตัวหนึ่งคือปัญญารู้เห็น ปัญญารู้เห็นว่า สิ่งนี้ถ้าเรานึกคิดต่อไปจะเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ แล้วเราก็จะเว้นในเรื่องที่เป็นโทษ และรับในส่วนที่เป็นประโยชน์

ไม่ต้องถึงกับเรียนอภิธรรมหรอก แค่ฟังเขาสวดอภิธรรม "อัชฌัตตา ธัมมา พหิทธา ธัมมา" อารมณ์ที่อยู่ภายใน อารมณ์ที่อยู่ภายนอก พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดแล้ว แต่คนที่ยังทำไม่ถึง ก็สงสัยว่าเป็นอย่างไร แยกไม่ออก แต่ถ้าเราทำถึงก็จะแยกออก แต่ท้ายสุดก็จะเห็นว่า ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้ เพราะรู้ก็สักแต่ว่ารู้ แต่ถ้าเราไปยึดถือมั่นหมายเข้า ความรู้นั้นก็ยังกลับมาหลอกตัวเราอีกชั้นหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2011 เมื่อ 13:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 125 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา