มีอยู่เที่ยวหนึ่ง ตอนนั้นอาตมาต้องเขียนพินัยกรรมเตรียมตัวตายไว้เลย เพราะว่าโดนหนักมาก ประเภทล้มทั้งยืน ตั้งใจจะไปกราบพระบนพระนิพพาน แต่ใจไม่ไป ไปหล่นอยู่กลางวงที่เขากำลังเล่นงานอาตมาอยู่พอดี มีทั้งห่มเหลือง ห่มขาว ทั้งนุ่งลาย เยอะแยะไปหมด สุมหัวกันเล่นงาน
อาตมาก็คิดว่าให้อภัย ๆ พยายามบอกตัวเองว่าให้อภัย แต่ตีนดันไปก่อน กวาดตูมเดียวกระจายทั้งวงเลย..! แสดงว่าสันดานตัวเองไม่ยอมอะไรง่าย ๆ ขนาดบอกว่าให้อภัย ตีนยังไปก่อนเลย แล้วก็หายป่วยเดี๋ยวนั้นเลยนะ เพราะว่าพอพิธีเขาพังก็หายเป็นปกติ
แต่นั่นเป็นการทำให้เขารู้ว่า อาตมายังไม่เป็นอะไร เขาก็เลยต้องไปหาคนที่เก่งกว่ามาจัดการต่อ อาตมาเริงร่าอยู่ได้แค่ ๒ วัน วันที่ ๓ ก็ร่วงอีก รบกับพวกนี้แล้วน่าเบื่อ เพราะเขาเล่นไม่เลิก เขาสู้ไม่ได้ก็ไปหาคนที่เก่งกว่ามาเรื่อย ๆ แล้วถ้าไม่มีคนที่เก่งกว่า เขาก็ใช้วิธีรุมสกรัม บางทีรวมหัวกัน ๑๐-๒๐ คน ช่วยกัน
เรื่องพวกนี้จะมีปกติ ให้ถือเป็นข้อทดสอบอย่างหนึ่งในชีวิต ว่าเราสามารถที่จะปล่อยวางได้แค่ไหน ? อย่างปัจจุบันนี้ ใครอยากทำอะไรก็ทำไป มีแรงให้ทำไป เดี๋ยวเขาเหนื่อยก็เลิกเอง อาตมาไม่ตอบไม่โต้อะไรทั้งนั้น
บางคนถามว่าทำไมไม่ตอบโต้ ? เพราะทันทีที่เราตอบโต้ เขาจะรู้ว่าเรายังไม่ได้เป็นอย่างที่เขาต้องการ แสดงว่ายังปกติดีอยู่ เขาก็เล่นไม่เลิก ให้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนกับเราตายไปแล้ว พอเขาคิดว่าเราตาย เดี๋ยวเขาก็เลิกไปเอง
ถาม : ยันต์เกราะเพชรไม่ป้องกันหรือคะ ?
ตอบ : ยันต์เกราะเพชรป้องกันไม่ให้ตายเพราะไสยศาสตร์ แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้เป็นอันตรายจากไสยศาสตร์
หลวงพ่อท่านบอกว่า เหมือนกับเขาก่อไฟกองใหญ่ไว้ เราก่อผนังกั้น เปลวไฟทำอันตรายเราไม่ได้ แต่ความร้อนก็มาถึง เพราะฉะนั้น..อย่าหวังพึ่งยันต์เกราะเพชรอย่างเดียว ต้องมีความสามารถส่วนตัวบ้าง แต่เชื่อเถอะ กระจิ๊บกระจ๊อยอย่างพวกเรา เขาไม่เสียเวลาไปทำหรอก ถ้าเขาจะเล่นงาน ก็จะเล่นหัวหน้าเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2019 เมื่อ 08:32
|