ถาม : ผมสงสัย อย่างสมมติว่า คนที่รักสันโดษเขาเป็นคนจริตอย่างไร ดูจากอะไรครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ตรงนี้เราไม่จำเป็นจะต้องไปรู้ก็ได้ เขาต้องมีความเข้าใจเองว่าเขามีจริตอะไร เพื่อเลือกกรรมฐานให้เหมาะกับตัวเองได้ เราจะไปเสียเวลาอยากรู้เรื่องของคนอื่นทำไม เขาตัองรู้ตัวเอง แต่ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็ต้องฝึกให้ได้เจโตปริยญาณ
ถาม : มีวิธีเดียวหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : วิธีการสังเกตหยาบ ๆ ก็มีอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นว่า โทสะจริตกับพุทธิจริต อาการแสดงออกเหมือน ๆ กันหมด คือ ทำอะไรทำแรง ทำเร็ว เช่น ให้กวาดบ้าน พวกโทสะจริตกับพุทธิจริต ก็จะลากโครม ๆ ไม่กี่ที ฝุ่นตลบไปทั้งบ้าน ไม่กวาดเลยยังจะดีกว่า เวลาเดินก็ลงส้นโครม ๆ ไปเลยอย่างนั้น
แต่ว่าจะไปต่างกันตรงจุดสุดท้าย พุทธิจริตจะประกอบไปด้วยปัญญามากกว่า เวลาทำอะไรก็รู้สึกว่าจะมีเหตุมีผลเหมาะสมไปหมด แต่โทสะจริตจะไม่มีตัวนี้ จะเป็นประเภทขี้โมโห แล้วก็โง่ดักดาน ...(หัวเราะ)... จะต่างกัน อาการภายนอกจะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีจุดแยกให้เราดูออกได้
ส่วนพวกโมหะจริต กับ วิตกจริต ก็คล้ายคลึงกัน พวกหนึ่งจะประเภท โง่ เซ่อ เซื่องซึมไปเลย อีกพวกหนึ่งก็ตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาด มัวแต่เงอะงะอยู่นั่นเอง อาการจะใกล้เคียงกัน แต่จะมีจุดที่แตกต่างให้เห็น ซึ่งเป็นส่วนหยาบ
แต่โอกาสที่จะดูผิดมีเยอะ ขนาดพระสารีบุตร ท่านยังให้กรรมฐานแก่พระลูกชายนายช่างทองผิดเลย นั่นพระอัครสาวกเบื้องขวานะ..จนกระทั่งไปเจอพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านจึงบอกว่า พระลูกนายช่างทอง จริง ๆ แล้วเป็นโทสะจริต แล้วให้ไปฝึกกสิณสีแดงแทน กลายเป็นพระอรหันต์ภายในที่นั่งเดียว ก่อนหน้านั้นเสียเวลาไปหนึ่งพรรษาเต็ม ๆ
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2011 เมื่อ 17:58
|