การไปสนใจกายผู้อื่น
ยังไม่ร้ายเท่าการสนใจกายตนเอง ซึ่งเป็นกามสัญญาตัวจริง
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑. “
การไปสนใจกายคนอื่น คือ ไปมีจิตกำหนัดอยากได้ในร่างกายของคนอื่นนั้น ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับการสนใจกายของตนเอง มีจิตกำหนัดคือรัก อยากให้ร่างกายตนเองมีสภาพมั่นคง แข็งแรง ไม่เสื่อมอยู่อย่างนั้น จุดนี้สิสำคัญเพราะจักต้องรบกับกามสัญญาตัวจริง ที่
ดึงให้จิตของเราต้องกลับมาเกิดอยู่ในโลกทั้งสามนี้ได้อีก”
๒. “ที่สำคัญ เพราะจิตดวงเดิมมีอุปาทานยึดมั่นถือมั่นมานานนับอสงไขยกัปไม่ถ้วนว่า ร่างกายนี้มีในเรา
เมื่อมีเราเกิดขึ้น อัตตาตัวตนก็เกิดขึ้น ตัวเราเกิดขึ้นตัวเดียวทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดตาม นี่ญาติเรา นั่นของเรา ผัวเรา เมียเรา
ยึดมั่นถือมั่นไปหมด นี่เป็นกามตัณหา เป็นอารมณ์พอใจในรูป หรือร่างกายของตนเป็นต้นเหตุ”
๓. “เมื่อมีเรา ก็ต้องมีเขา มีพวกเราก็มีพวกเขา ถ้ากรรมผูกพันกันมาทางดี กุศลนำหน้าก็ถูกชะตากัน เป็นผู้มีความพอใจกัน แต่ถ้าหากมีกรรมผูกพันกันมาทางร้าย อกุศลนำหน้าก็ไม่ถูกชะตากัน เป็นผู้มีความไม่พอใจซึ่งกันและกัน นี่ศัตรูเรา นี่ไม่ใช่พวกเรา มันพวกของเขา นี่แหละเมื่ออัตตาเกิดขึ้นตัวเดียว ทำให้จิตผูกพันยึดมั่นถือมั่นในอัตตานั้น”
๔. “หากพวกเจ้า
ขยันหมั่นเพียรทำลายตัวยึดมั่นถือมั่นอยู่ในอัตตานี้ กล่าวคือไม่เห็นว่าร่างกายมีเรา มีเขา แต่ที่สำคัญจักต้องทำอสุภกรรมฐานภายในให้เกิดแก่ร่างกายของตนเอง จนกระทั่งหมดความรู้สึกว่าร่างกายนี้มีในเรา ถ้าถึงจุดนั้นความรักในร่างกายของตนเองนั้นไม่มี ร่างกายของเรา เราก็หมดความกำหนัดอยากได้ แล้วร่างกายของใครเล่าที่จักทำให้เราเกิดความกำหนัดอยากได้”
๕. “
สภาพของร่างกายเหมือน ๆ กันหมด เมื่อลอกเนื้อ ลอกหนังออก อวัยวะภายในก็สกปรก ไม่ว่าคนหรือสัตว์สกปรกเหมือนกันหมด พิจารณาไปเถิด ตีให้มันแตก ทั้งท่อง ทั้งจงอย่าละความเพียร ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของได้ไม่ยาก ให้เข้าใจทำก็แล้วกัน”
๖. “
ทบทวนให้ช่ำชอง ไม่ใช่อ่านครั้งเดียวแล้วคิดว่าจำได้ อย่างนั้นเป็นเพียงแค่สัญญา แต่หากนำมาทบทวนธรรมให้ช่ำชอง ปัญญาก็จักเกิดได้ที่ตรงนี้”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com