เมื่อเราไปถึงตรงนั้นเราถึงจะเห็น พอเราเห็นภาพ เราก็ไปเพ่งเพื่อจะเอาให้ชัด พอเราเพ่งเราต้องใช้อะไร ? สายตา..ใช่ไหม ? การที่เรานึกถึงตาก็คือเรานึกถึงตัวเอง เท่ากับเราดึงจิตกลับมา เราดึงออกมาจากตรงนั้นแล้วเราจะเห็นอะไรได้ ? ภาพก็หายวับไป ในเมื่อหายวับไป เราก็เอาใหม่ ตั้งท่าทำใหม่ พอไปถึงเห็นอีก ก็เพ่งอีก ก็หายอีก บางคนติดอยู่ตรงนี้เป็น ๑๐ ปีก็มี
ขอให้เราทำความเข้าใจว่า ก่อนหน้านี้แค่เราคลำ ๆ โดยไม่ต้องเห็น แค่ความรู้สึกอย่างเดียวก็แม่นแล้ว รถมาสีอะไรบอกได้หมด คนนั่งมากี่คนบอกได้หมด เห็นไม่เห็นก็ช่างเถอะ เราพอใจของเราแค่นี้ ถ้าทำใจสบาย ๆ อย่างนี้ได้ภาพจะอยู่ได้นานเท่าที่เราต้องการ สำคัญอยู่ตรงจุดนี้เอง
เพราะฉะนั้น..แรก ๆ ก็เหมือนกับเราหลับตาคลำของ ตอนแรกก็บอกว่ากิ่งไม้ ปรากฏว่าผิด คลำไปคลำมามีปลอกอยู่หน่อยหนึ่ง มีที่กดอยู่นิด จริง ๆ คือ ปากกา พอครูฝึกเขายืนยันว่าใช่ ต่อไปคลำใหม่ก็ตอบว่าปากกา คลำอีกครั้งก็ตอบว่าปากกา ต่อไปก็จะยิ่งแม่น ยิ่งคล่องตัวขึ้นเรื่อย ๆ
ในเมื่อเราไม่เห็นแต่ตอบได้ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นก็ได้ ถ้าเราวางกำลังใจอย่างนี้ ภาพก็จะเริ่มปรากฏชัดและตั้งอยู่ได้นาน
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2015 เมื่อ 13:01
|