ไม่ต้องไปห้ามใคร ให้ห้ามใจตนเอง                          
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑.	“
ให้เก็บแต่สิ่งที่ดี สำหรับสิ่งเลว ๆ จงตัดทิ้งไป วางอารมณ์ให้ลงตัวธรรมดา”
๒.	“กระทบกับสิ่งใด แล้วรู้ว่าไม่เที่ยง-เป็นทุกข์ ก็จงอย่ายึดสิ่งนั้นมาเป็นอารมณ์”
๓.	“ไม่เพียงแต่วัตถุเท่านั้น แม้คนหรือสัตว์มาแสดงความโกรธ-โลภ-หลง แสดงอารมณ์ให้เห็นว่ามีความพอใจหรือไม่พอใจออกมาทางกาย-วาจา-ใจ ก็จงเห็นเป็นธรรมดาของคนและสัตว์นั้น ๆ ซึ่งเขาก็แสดงออกมาถึงความไม่เที่ยงแห่งจิต ที่ยังตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการไม่ได้หมดสิ้น”
๔.	“จง
อย่ายึดการแสดงออกแห่งอารมณ์นั้น ๆ ของเขามาเป็นสาระ เพราะอารมณ์เขานั้นยังไม่เที่ยง เรา
ไปเกาะติดอยู่กับการแสดงออกของเขา จึงได้ชื่อว่าเกาะทุกข์”
๕.	“
จงเห็นเป็นธรรมดา เจ้าเองยังไม่สามารถจักบังคับจิตของตนเองได้ ห้ามไม่ให้มีอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจยังไม่ได้ หรือไฉนจึงจักไปห้ามคนอื่นหรือสัตว์อื่นไม่ให้มีอารมณ์ได้เล่า”
๖.	“เพราะฉะนั้น จึง
พึงลงความเห็นเป็นตัวธรรมดาให้มาก ๆ ใครจักนินทาหรือสรรเสริญก็เป็นเรื่องธรรมดา เราไปห้ามปากเขาใจเขาได้อย่างไรกัน เมื่อห้ามไม่ได้เพราะเป็นกฎธรรมดา เจ้าก็จง
อย่าฝืนกฎธรรมดา ไม่ต้องไปห้ามใคร ให้ห้ามใจของเราเองดีกว่า นั่นแหละเป็นของจริงของแท้”
๗.	
“อย่าไปห้ามคนอื่นให้ฝืนกฎธรรมดาของชาวโลก พวกเจ้าปรารถนาอยากจักเข้าพระนิพพาน จักต้องห้ามกาย วาจา ใจของตนเอง ไม่ให้ชั่วไปในสังโยชน์ ๑๐ ประการ ค่อย ๆ ทำไป ถ้าตั้งใจทำจริง ๆ ไม่มีอะไรที่จักยาก ขอให้ทำให้จริงก็แล้วกัน”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗ 
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่  
www.tangnipparn.com