๖. “
กิเลสไม่ต้องไปละที่ตรงไหน ให้ละกันตรงที่จิต หรือพอควบคุมอารมณ์ความคิดให้ไปในทางที่ถูกที่ควรเท่านั้นเป็นพอ โจทย์จิตตนเองตลอดเวลาว่า นี่เจ้าอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญาหรือเปล่า กำหนดรู้อยู่ตามนี้ให้ตลอดเวลา การพลั้งเผลอย่อมมีอยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าเจ้าไม่ละความเพียร กรรมฐานแก้จริตใช้ให้ถูกก็ไม่มีอะไรยาก สำคัญที่ไม่ค่อยจักเอาจริงกัน ปล่อยจิตให้มีอารมณ์พลั้งเผลอ ไม่ได้กำหนดรู้อารมณ์อยู่ร่ำไป”
๗. “ถ้าแก้ไขจุดนี้ไม่ได้ เจ้าก็ยังจักเอาดีในทางด้านการละอารมณ์กามฉันทะและปฏิฆะไม่ได้ พึงจักรู้ตัวเข้าไว้
ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง เวลานาทีที่ผ่านไป ชีวิตก็ใกล้ความตายเข้าไปทุกที ยังมัวแต่จักประมาทกันอยู่อีกหรือ เตือนใจเสียใหม่นะ”
๘. “ลมหายใจเข้าแล้ว ไม่หายใจออกก็ตาย ลมหายใจออก ไม่หายใจเข้าก็ตาย ที่เจ้า
จักต้องทำความเพียรละกิเลส แข่งกับความตายที่ใกล้เข้ามาทุก ๆ ขณะจิต คิดเอาไว้ตามนี้ให้เห็นตามความเป็นจริง
ใช้ปัญญาพิจารณาไปด้วย ก่อนที่จักสายเกินไป”
๙. “เมื่อร่างกายตายแล้ว
หากไม่จบกิจ ก็ไม่สามารถยับยั้งการไปสู่ภพสู่ชาติได้ การยังมีอารมณ์เกาะติดกามคุณ ๕ อยู่ จักไปพระนิพพานได้หรือ จักพ้นเกิดพ้นตายได้หรือ”
(ก็รับว่า ย่อมไม่ได้)
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com