โรคกลัวตายหรือโรคปอดแหก
หลวงพ่อฤๅษี ท่านเมตตามาสอนเพื่อนผมไว้ดังนี้
๑. เพื่อนผมจะเดินทางคนเดียวไปหาหลวงปู่วัย ที่จังหวัดสระบุรีในวันเสาร์ แต่
เกิดอารมณ์กลัวตายขึ้นมาว่ารถอาจเกิดอุบัติเหตุ หลวงพ่อฤๅษีท่านก็เมตตามาสอนว่า “เอ็งกลัวตายใช่ไหม ไอ้ขี้หมา”
(ก็รับสารภาพว่า กลัว)
๒. “มันก็เป็นเรื่องธรรมดา จะไม่ให้กลัวเลยก็ต้องใจเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก คิดเอาไว้สิว่า
ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ถ้าตายคราวนี้เราก็ขอไปพระนิพพาน”
(ก็จะพยายามคิดตามนั้น)
๓. “โธ่เอ๊ย!
ไอ้ปอดแหก ไหนว่าอยากไปพระนิพพาน ๆ แล้วทำไมถึงกลัวตาย คนจะไปพระนิพพานได้อย่างถาวรก็เพราะไอ้ร่างกายตัวนี้มันตายแล้วต่างหาก แล้วเอ็งจะมานั่งกลัวตายทำไม”
(ก็ต้องยิ้มแหย ๆ ไว้ก่อน เพราะจริงของท่าน)
๔. “จริงสิ ไม่จริงได้อย่างไร ไม่ตายแล้วจิตจะไปอยู่พระนิพพานได้ถาวรได้อย่างไร โง่ตรงนี้แหละ
คนกลัวตายก็คือคนหลง มีอวิชชาคือห่วงร่างกาย กลัวว่ามันจะตายทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันต้องตายอยู่ทุกวันยังค่ำคืนยันรุ่ง อย่างนี้โง่หรือไม่โง่ล่ะ”
(ก็ยอมรับว่า โง่)
๕. “เออ โง่ก็โง่ ยอมรับเสีย ก่อนออกเดินทางให้บอกท่านท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์ ท้าววิรุฬหก ท้าวเวสสุวัณ อินทกะและบริวาร ช่วยเปิดทางโคจรให้สะดวกปลอดภัยในทุกเส้นทางที่ไปและกลับ ก่อนบอกให้ขอบารมีพระพุทธเจ้าเสียก่อน อย่าใช้บารมีของตนเอง ขอบารมีพระพุทธเจ้า กรุณาให้ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ อินทกะและบริวารช่วยสงเคราะห์ เพราะการไปกึ่งกิจส่วนตัว กึ่งกิจพระพุทธศาสนา ขอให้ท่านเมตตาตลอดทุกเส้นทางด้วย ถ้าใช้บารมีตนเองมันไม่ได้ผลหรอก มันจิ๊บจ๊อย”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com