"พอโยมเขาลอยกลับมา เขาก็แปลกใจว่าตัวเองไปจริงหรือเปล่า ? พอจับผ้าห่มดู ก็รู้ว่าไปจริง เพราะผ้าห่มเปียกน้ำค้างหมดเลย นั่นไม่ได้ไปแต่ตัวนะ เอาเตียงไปทั้งหลังเลย แต่ข้างฝาก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกัน  
  
แสดงว่า ตอนที่สภาพจิตทรงเป็นอภิญญาสมาบัติ ระหว่างวัตถุธาตุต่าง ๆ ไม่มีอะไรที่จะกั้นได้ เพราะสภาพตอนนั้นไม่ได้มีอะไรเป็นแท่งทึบ ทุกอย่างจับกันขึ้นมาจากอณูขนาดต่าง ๆ ด้วยความที่จิตละเอียดกว่า ช่องว่างระหว่างอณูก็เลยกลายเป็นใหญ่มหึมา ออกไปเมื่อไรก็ได้ กว่าจะเข้าใจตรงนี้ก็คลำอยู่นาน  
  
ครั้งแรกที่ลอย อาตมากำลังหลับตาภาวนาไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกว่ามีอะไรวับ ๆ อยู่ข้างเอว พอลืมตาดู ตายห่..พัดลมเพดาน..! ก็คือ ตอนที่ภาวนานั้นเปิดพัดลมอยู่ แต่ไม่รู้ว่าลอยขึ้นไป มารู้ตอนที่ลอยไปขึ้นแล้ว พอเห็นพัดลมหมุนอยู่ข้างเอวก็ตกใจ พอตกใจสมาธิหลุดก็หล่นพลั่กลงมา..! ตั้งแต่นั้นมาก็ถือเป็นบทเรียนว่า ก่อนที่จะภาวนาทุกครั้งจะต้องปิดพัดลมก่อน" 
  
ถาม : โยมที่ลอยไปเป็นแค่ปีติหรือครับ ? 
ตอบ : ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าไม่มีพื้นฐานอภิญญาเก่าคงเอาเตียงไปทั้งหลังไม่ได้ น่าจะเป็นพื้นฐานของอภิญญาเก่ามาผสมด้วย 
  
ลอง ๆ ไปฝึกเรื่องพวกนี้ดู แรก ๆ ทำได้ก็สนุกสนานเฮฮา ไป ๆ มา ๆ ก็น่าเบื่อเพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้น เป็นเพียงเครื่องมือช่วยเราเท่านั้น
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2011 เมื่อ 12:12
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |