ถ้าอยากพ้นทุกข์ ก็จงหมั่นปริปุจฉา               
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ ดังนี้
๑.	“
อุเทศ แปลว่าเรื่อง  
ปริ แปลว่ารวมหรืออุปสรรค 
ปุจฉา แปลว่าคำถาม เหมือนกับที่คุณหมอเคยพูดว่า ให้ลองถามตนเองดูสิว่า 
- ก)	กินอาหารทำไม ตอบ เพราะความหิวเป็นทุกข์
 
- ข)	กินเพื่ออะไร ตอบ เพื่อบรรเทาทุกข์ กันตาย
 
- ค)	กินแล้วเป็นอย่างไร ตอบ อิ่ม แต่อิ่มชั่วคราวหรือพ้นทุกข์ชั่วคราว เพราะความอิ่มไม่เที่ยง เหตุเพราะโลกไม่เที่ยง,  ขันธโลกก็ไม่เที่ยง”
 
๒.	“หากเข้าใจหลัก ก็ถามตนเองไปเรื่อย ๆ 
ปัญญาเกิดจากการพิจารณา จากอายตนะสัมผัสทั้ง ๖ (นอก ๖ และใน ๖) กระทบกัน”
๓.	
“ผู้ฉลาดจึงมองทุกสิ่งในโลกเป็นธรรมได้หมด พิจารณาเป็นได้ทั้งสมถะและวิปัสสนา”
๔.	“อารมณ์ใดเกิดขึ้นกับจิต จงหมั่นสอบจิตคือ ตั้งคำถามแก่จิต 
ให้ค้นคว้าหาคำตอบว่า อารมณ์นั้นเป็นคุณหรือเป็นโทษ เป็นธรรมในศีล สมาธิ ปัญญา หรือธรรมในโลกธรรม หากพวกเจ้าเข้าใจปริปุจฉาจริงและทำให้ได้ตามนั้น ก็จัก
ได้ประโยชน์มหาศาลจากหลักของธรรมปฏิบัตินี้ และจักสามารถแยกแยะสาระทางธรรมออกมาได้จากสาระทางโลก”
๕.	“
สาระทางธรรมคือ แก่นสารอันสามารถนำจิตของตนให้พ้นจากความทุกข์ได้ สาระทางโลกคือ ความไม่เที่ยงทั้งมวล ประโยชน์ทางโลกที่แท้จริงไม่มี (เพราะมันไม่เที่ยง) ยึดถืออันใดมาเป็นแก่นสารไม่ได้ แต่นั่นแหละ
จักพ้นโลกได้ ก็จักต้องพิจารณาโลกให้เห็นตามความเป็นจริง จึงจักเข้าถึงธรรมได้”
๖.	“โลกที่อยู่กับตัวเรา 
(เรา คือ จิต) คือ ขันธโลกนี่แหละ (คือ ร่างกายหรือขันธ์ ๕) โลกภายในนี้ถ้าหากศึกษาได้ถ่องแท้แล้ว จักเข้าใจโลกภายนอกได้เฉกเช่นเดียวกัน”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗ 
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ 
www.tangnipparn.com