๕. “ก็เป็นธรรมดา หากเรื่องขนาดนี้เจ้าระงับอยู่ก็เป็นพระอรหันต์ได้สบาย ๆ ไปแล้ว”
๖. “คิดบ้าง ระงับบ้าง อย่าสร้างความโศกเศร้าเสียใจให้มากนัก เตือนใจของตนเองเข้าไว้ อย่าประมาทในอารมณ์ก็แล้วกัน อย่าปล่อยอารมณ์ให้ฟุ้งซ่านจนเกินไป จักห้ามไม่ให้เจ้าคิดเลย มันก็ผิดธรรมดา”
๗. “พยายามระลึกถึงความตายเข้าไว้ อย่าประมาทในอารมณ์ก็แล้วกัน ปัญหาเหล่านี้เจ้าจักแก้ไขอะไรไม่ได้ สู้หยุดอยู่ให้สบาย ๆ ดีกว่า หาธรรมปฏิบัติมาใส่ใจดีกว่า อย่าไปดิ้นรน เพราะวาระกรรมยังไม่หมดที่จักส่งผล อดทนไปอีกสักระยะหนึ่ง นี่เป็นกรรมฐานทดลองจิตเจ้าล่ะ”
๘. “แม้ทนไม่ไหว ก็ต้องทนไหวบ้าง ทนไม่ไหวบ้าง เป็นธรรมดา สอบตกก็ตั้งต้นใหม่ อดทนตรงที่อารมณ์ใจของตนนี่แหละเป็นสำคัญ ให้รู้อารมณ์ของตนเข้าไว้ มันอยากร้องไห้ก็ร้องไห้ไป มันอยากหยุดก็ดูสิ จิตมันเป็นอย่างไร ดูสิร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ มันเป็นคุณหรือเป็นโทษ ดูสิ มันหยุด ไม่เสวยอารมณ์ใด ๆ อยู่เฉย ๆ มันเป็นคุณหรือเป็นโทษ อันไหนมันจักสบายใจกว่ากัน ดูไป คิดไป ให้จิตมันยอมรับเองด้วยปัญญา ใช้อุปสรรคเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์แก่ผลของการปฏับัติธรรม”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2011 เมื่อ 16:07
|