ไม่รู้จักทุกข์ ก็พ้นทุกข์ไม่ได้
ไม่รู้จักทุกข์ ก็พ้นทุกข์ไม่ได้
หรือไม่รู้จักกฎของกรรม ก็พ้นกรรมไม่ได้
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ ดังนี้
๑. อารมณ์น้อยใจเป็นอารมณ์อะไร (ตอบว่า เป็นอารมณ์ไม่พอใจ เพราะมีความปรารถนาไม่สมหวัง) แล้วเป็นธรรมดาของโลกไหม (ตอบว่า เป็นธรรมดาของโลก)
๒. นั่นสิ เจ้าเกิดเป็นทุกข์ แก่เป็นทุกข์ เจ็บเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์ ปรารถนาไม่สมหวังเป็นทุกข์ การพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจเป็นทุกข์ นี่เป็นธรรมดาของโลก แล้วเจ้าจักดิ้นรนไปใยกัน (เพื่อนของผม ท่านรู้สึกว่าท่านไม่ได้รับความยุติธรรมจากบุคคลผู้อื่น)
๓. ใครบอกเจ้าว่าไม่ยุติธรรม นี่เป็นกฎของกรรมนะ ถ้าเจ้าไม่ทำเอาไว้ก่อน กรรมนี้มีหรือจักตกทอดถึงเจ้าได้เยี่ยงนี้ จักว่าไม่ยุติธรรมได้อย่างไร กรรมในอดีตเป็นเช่นไร กรรมปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น ใครใช้เจ้าอยากทำกรรมเอาไว้เยี่ยงนี้ในชาติก่อนทำไมกัน
๔. ภิกษุพาณิชย์โลภหรือ เจ้าก็โลภมาก่อนในอดีต เขาอวดดีมีฝีมือเป็นเลิศในการทำงานหรือ เจ้าก็เคยอวดดีเยี่ยงนี้มาก่อนในอดีต แล้วบัดนี้เป็นอย่างไร กฎของกรรมมันตามมาสนอง ชาตินี้เจ้าถึงจักมีการศึกษาในด้านศิลป์ดีเลิศไม่ได้เพราะเยี่ยงนี้ ความทะนงถือตนว่าดีเด่น ทำให้คนลืมตนมามากแล้ว ความโลภก็ฆ่าคนตายมามากแล้ว เวลานี้เจ้าเข้าถึงธรรมะ บรรเทาแล้วซึ่งความโกรธ โลภ หลง แม้จักยังไม่หมด ก็เห็นโทษของความโกรธ โลภ หลง เห็นอดีตชาติอันเคยทำกรรมลามกไว้ เยี่ยงภิกษุพาณิชย์รูปนี้ กรรมนั้นเคยพาเจ้าลงสู่อเวจีมหานรกมาแล้ว เมื่อเห็นโทษอยู่เยี่ยงนี้ก็ย่อมไม่กล้ากระทำเยี่ยงนี้อีก ในบุคคลที่หลงผิดจึงน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่เจ้าได้รับอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นเพียงเศษของกรรม จักน้อยใจไปทำไมกัน (ก็ยอมรับว่า ตนยังระงับอารมณ์น้อยใจไม่อยู่)
|