ผ่านบ้านบุคคโล ซึ่งเป็นหมู่บ้านมอญที่ใหญ่มาก มีคนกลุ่มใหญ่ทั้งพระทั้งโยมโบกมือเรียก แต่นายท้ายตะโกนบอกว่าเครื่องเรือไม่ดี ถ้าเบาเครื่องกลัวจะดับอีก เข้าไปรับไม่ได้ ผู้คนบนตลิ่งแทนที่จะเสียใจ กลับหัวเราะกันเฮฮา เป็นทำนองว่าล่วงหน้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวจะตามไปแล้วแซงหน้าเองแหละ...
ทวนน้ำไปอีกสัก ๑๐ นาที แวะรับอีก ๕ คน พักใหญ่ ๆ มาถึงบ้านเวสาลี มีคนไปด้วยอีก ๘ คน สอบถามค่าเรือได้ยินว่า “งาตะยา” หมายถึงห้าร้อยจั๊ตต่อคน แบบนี้ช่วยเบารายจ่ายของอาตมาไปได้มากเลย เฮ้ย..หัวเรือไปมุดเสาที่เขาผูกเบ็ดราว พานเอาเบ็ดขึ้นมาเป็นพรวน..!
มือไวเท่าความคิด อาตมาคว้าสายเบ็ดยกพรวดขึ้นไป ตัวเบ็ดเกี่ยวย่ามที่วางไว้ข้างหน้าขาดควาก..! เสียงเอะอะจากข้างหลังล้งเล้งไปหมด กลัวว่าอาตมาจะปล่อยสายเบ็ดข้ามหัวไป ฮ่วย...ข้อยบ่ได้ปัญญานิ่มปานนั้นดอก..! ยื้อสายเบ็ดเอาไว้จนตัวเกือบเอนราบไปกับพื้นเรือ..!
หลายมือช่วยกันคว้าสายเบ็ดยกข้ามหัวต่อ ๆ กันไป มันน่าเอาเกี่ยวหูนายท้ายซะให้เข็ด แกตีหน้าปูเลี่ยน ๆ พิลึก พอส่งเบ็ดมหาภัยกลับลงน้ำไปตามเดิมได้ก็โล่งอก เห็นต้นตาลคู่อยู่ตรงหน้า พักหนึ่งเรือก็วิ่งผ่านต้นมะม่วงหนังเหนียวจอมอิทธิฤทธิ์ แต่คราวนี้เรือไม่ยักดับแฮะ...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 27-11-2010 เมื่อ 11:14
|