อันดับที่ ๓ ได้ออกกำลังกาย ทำให้เป็นผู้มีโรคน้อย โดยเฉพาะทางสายอีสาน บางทีเดินจงกรมกันข้ามวันข้ามคืน ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ยิ่งกว่าการวิ่งมาราธอนเสียอีก
อันดับที่ ๔ อาหารที่รับประทานเข้าไปจะได้รับการย่อยได้ดี เพราะร่างกายของเราเคลื่อนไหว ลำไส้ก็เคลื่อนไหวด้วย ระบบการย่อยอาหารก็ทำหน้าที่ได้เต็มที่ขึ้น
อันดับสุดท้าย พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า บุคคลที่ชำนาญในการเดินจงกรม จะเดินทางไกลแล้วเหนื่อยยาก คำว่าเหนื่อยยากก็คือ คนอื่นอาจจะเหนื่อยมาก แต่เราเองเหนื่อยน้อย เพราะเคยชินกับการเดินเป็นปกติอยู่แล้ว
คราวนี้อานิสงส์ของการเดินจงกรมที่เราควรจะพิจารณามีอยู่ ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งก็คือ เป็นการผ่อนคลายในอิริยาบถของเรา เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนเราให้ภาวนาใน ๔ อิริยาบถ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน ไม่ใช่แค่อิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง
ถ้าถามว่าเราจะนั่งอย่างเดียวผิดไหม ? ก็ไม่ผิด แต่บางวาระที่กำลังใจไม่ยอมรับนั้น การนั่งแค่ ๕ นาที ๑๐ นาทีก็แย่แล้ว ต้องให้มีสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในการปฏิบัติของเรา อย่างเช่นว่า เดินภาวนาบ้าง ยืนภาวนาบ้าง นอนภาวนาบ้าง
อีกข้อหนึ่ง ก็คือ สมาธิที่ได้จากการเดินจงกรมนั้นเสื่อมยาก เพราะว่าการเดินจงกรมเป็นการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว อย่างที่อาตมาย้ำกับพวกเราอยู่บ่อย ๆ ว่า เมื่อลุกจากการภาวนาแล้ว อย่าทิ้ง ให้ตั้งสติประคับประคองอารมณ์เอาไว้ให้อยู่กับเรานานที่สุด ถ้าหากใครเคยเดินจงกรมภาวนามาก่อน จะทำได้ง่าย แต่ถ้าไม่เคยมาก่อน จะรู้สึกเหมือนกับแบกช้างไว้ทั้งตัว
ดังนั้น..หากพวกเราฝึกเดินจงกรมเอาไว้บ้าง นอกจากจะมีคุณประโยชน์หลายประการแล้ว ประโยชน์ใหญ่ที่เห็นชัดก็คือ กรรมฐานที่ปฏิบัติได้จะเสื่อมยาก ทำให้เราสามารถรักษาอารมณ์การปฏิบัติให้ต่อเนื่องยาวนานกว่าคนทั่วไป กำลังใจของเรายิ่งผ่องใสต่อเนื่องยาวนานมากเท่าไร ปัญญาที่จะรู้แจ้งเห็นจริงในข้อธรรมต่าง ๆ ก็มีโอกาสเกิดขึ้นมากเท่านั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-11-2010 เมื่อ 11:07
|