๗.	“ทุกคนในโลกถ้ายังไม่ถึงพระอรหัตผล ย่อมยังมีความชั่วกันทุกคน ชั่วมากชั่วน้อย ก็อยู่ที่การตัดสังโยชน์ได้แค่ไหนเท่านั้นเอง จุดนี้สำคัญ จงหมั่นเตือนจิตตนไว้เสมอ อย่าตำหนิผู้อื่นว่าชั่ว ให้มุ่งตำหนิตนเองที่ชั่วเป็นสำคัญ เพราะเราจักละความชั่วได้ จะต้องเห็นความชั่วที่จิตเราก่อน จึงจักละได้ เหตุจากหลงตัวหลงตนว่าเป็นคนดีทั้งสิ้น” 
 
๘.	“เมื่อกรรมที่เป็นอกุศลเข้าครอบงำจิต ทุกคนก็คิดว่าสิ่งที่ชั่วนั้นเป็นของดี ถ้าไม่เข้าใจธรรมจุดนี้ ก็หลงคิดว่าตนเป็นคนดี เพราะไม่เห็นความชั่วของตน ไม่ใช้อัตตนา โจทยัตตานังเป็นหลักปฏิบัติ ไม่ใช้สังโยชน์ ๑๐ เป็นเครื่องวัดอารมณ์ชั่วของตน ไม่ใช้บารมี ๑๐ เป็นตัวช่วยเสริมกำลังใจให้เต็มอยู่เสมอ ไม่มีพรหมวิหาร ๔ เป็นเครื่องอยู่ของจิตช่วยเสริมให้ศีล สมาธิ ปัญญา มีคุณภาพสูงขึ้น ๆ ตามลำดับ ก็ปล่อยให้ความชั่วบงการชีวิตจิตใจไปตลอดสิ้นกาลนาน” 
 
๙.	“สรุปว่าให้ดูอารมณ์จิตของตนไว้เป็นสำคัญ ถ้าหากจักพ้นทุกข์จริง ๆ ให้ดูอารมณ์เลวของตนไว้ อย่ามองคนอื่น อารมณ์คนอื่นปล่อยเขาไป ทุกอย่างให้แก้ที่จิตของเรา”
		 
		
		
		
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 02-11-2010 เมื่อ 11:36
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |