พ่อออกปะไลนิมนต์ลงเรือ ท่านนาวินโดดตามลงมาด้วย บอกว่าจะไปส่ง เฮ้ย..เมืองจะอีนไม่ใช่ใกล้ ๆ นะคุณ แต่ครูบาน้อยท่านไม่ฟังเสียง อย่างไรก็จะขอไปส่งครูบาอาจารย์ให้ได้ เรือวิ่งฝ่าแดดสายร้อนเปรี้ยงแทบหนังหัวละลาย อาตมาต้องตลบจีวรขึ้นคลุมหัวเอาไว้...
เลาะผ่านบ้านสามพระยาไป มีเรือใหญ่วิ่งสวนมาหนึ่งลำ ดูท่าจะเป็นแพขนานยนต์ขนาดเล็ก สองฝั่งมีชาวบ้านยกยอ วางลอบ วางเบ็ดราว บ้างก็ตีอวนล้อมชายฝั่งเอาไว้ เมื่อน้ำลดค่อยพายเรือมาเก็บปลาที่ติดอยู่ในอวน เด็ก ๆ โดดน้ำเล่นทั้งที่มันสีเหมือนขี้โคลน ปลายน้ำแบบนี้สารพัดความสกปรกที่จะมากับน้ำ...

น้ำเซาะตลิ่งพังจนตั้งฉาก แบบนี้แหละที่โบราณเรียกว่าตลิ่งชัน..!
ถึงเป็นปลายน้ำแต่การกัดเซาะของกระแสน้ำยังรุนแรงมาก ดูได้จากชายตลิ่งที่พังทลายจนเกือบตั้งฉาก ต้นตาลหลายต้นล้มระเนระนาด มีอยู่ต้นหนึ่งที่ทรุดลงน้ำไปเฉย ๆ เหลือส่วนยอดที่ยังคงตั้งตรงโผล่พ้นน้ำมาสักสองเมตรเท่านั้น ท่านนาวินบอกว่า ถ้าชาวบ้านขาดวิจารณญาณ อาจจะเห็นเป็นต้นตาลศักดิ์สิทธิ์ไปอีกก็ได้...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-11-2010 เมื่อ 11:56
|