๗. “อย่าตำหนิกรรม เพราะพวกเจ้าหรือทุกคนเคยเป็นคนเลวมาก่อน เพราะจิตบกพร่องตกเป็นทาสของตัณหาด้วยกันมาก่อนทั้งสิ้น และต่างคนต่างก็ได้รับกรรมตอบสนองเรื่อยมาจากผลของกรรมนั้น
จึงเป็นธรรมดาของโลก มีใครสักคนหนึ่งไหมที่ไม่ถูกนินทา ที่ไม่ถูกสรรเสริญ นี่เป็นผลของวจีกรรม และมีใครสักคนหนึ่งไหม ที่ไม่เคยถูกตำหนิหรือติเตียน หรือนึกชมอยู่แต่ในใจ นี่เป็นผลของมโนกรรม และมีใครบ้างไหมที่รักษาทรัพย์สินอยู่ได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง ธรรมดาของทรัพย์สินจักต้องพร่องไปอยู่เป็นนิจ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุขมีทุกข์นี่เป็นธรรมดา ยิ่งทรัพย์สินถูกไฟไหม้หรือขโมย เหตุก็มาจากกายกรรมที่ตนเคยทำอทินนาทานมาแต่กาลก่อน นี่เจ้าเห็นว่าผิดธรรมดาไหม”
(ก็รับว่า ไม่ผิด)
๘. “ในเมื่อไม่ผิดธรรมดา มันก็เป็นธรรมดาซิ แล้วจักทุกข์ใจไปเพื่อประโยชน์อันใด
การตายของขันธโลก ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็เป็นธรรมดา เพราะร่างกายจักต้องพร่องและตายไปในที่สุดเป็นธรรมดา จักทุกข์ไปเพื่อประโยชน์อันใด”
๙. “
เจ้าเห็นทุกข์นั้นถูกต้อง แต่จงลงตัวธรรมดาเข้าไว้ วางอารมณ์จิตให้อยู่ในสังขารุเบกขาญาณเสียด้วย จึงจักวางทุกข์เหล่านี้ลงได้ มิฉะนั้นจิตจักเกิดความหดหู่ อย่างนี้ไม่ถูกต้องนัก เข้าใจหรือยัง? วางอารมณ์ให้ถูกต้องด้วย”
๑๐.
“จงอย่าลืม การเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของกาย ซึ่งไม่มีใครหนีพ้น การเกาะทุกข์ของกายก็เท่ากับเพิ่มสักกายทิฏฐิ ปิดกั้นทางสู่พระนิพพานไว้สนิท”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com