| 
				  
 
			
			อาตมาเห็นหลายครอบครัวที่พ่อแม่เป็นคนเจ้าโทสะ  ค่อนข้างจะร้ายกาจกับลูกหลานตัวเอง  แต่พอลูกตั้งใจทำดีในศีล สมาธิ ปัญญา สั่งสมไปนานเข้า ๆ  พอกำลังความดีสูง  ก็สามารถที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของพ่อแม่ได้ 
 ดังนั้น..ถ้าเป็นไปได้ พ่อแม่ใครยังอยู่ เราควรให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ท่านบ้าง กลับไปถึงบ้าน  ต่อให้ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝาก ก็ถามถึงสารทุกข์สุกดิบท่านบ้าง "วันนี้สบายดีหรือเปล่า ? งานการเป็นอย่างไร ? มีคนช่วยไหม ? เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรหรือเปล่า ?" พ่อแม่ไม่ได้ต้องการอะไร  แค่ต้องการให้ลูกสนใจพ่อแม่บ้าง
 
 มีครอบครัวคนจีนอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีลูกชายโทนคนเดียว ทั้งพ่อและแม่เป็นคนขยันทุ่มเท   เลี้ยงลูกเติบโตขึ้นมา หาสะใภ้ให้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา  คนเป็นพ่ออายุสั้นตายไปเสียก่อน  เหลือแต่แม่
 
 ปรากฏว่าลูกชายกลับมาถึงบ้าน  ไปจ๊ะจ๋ากับเมียตัวเอง  แม่นั่งอยู่ปากประตูกลับเดินผ่านไปทุกที  เห็นแล้วนึกสะท้อนใจ  เหมือนกับแม่เป็นตุ๊กตาเฝ้าหน้าร้านเฉย ๆ เราลองมาคิดดูว่า อย่างน้อย ๆ  พ่อแม่เลี้ยงเรามาหลายสิบปี  ส่วนคู่ชีวิตของเรามาทีหลังนานมาก แล้วเราไปให้ความสนใจกับคู่ชีวิตมากกว่า นี่ยุติธรรมแล้วหรือ ?
 
 ถ้าจะให้ดีก็คือ ให้ความสนใจเท่าเทียมกัน  และถ้าเป็นไปได้ ให้ความสนใจพ่อแม่ให้มากกว่า รู้ว่าท่านชอบกินอะไร ถึงเวลาซื้อให้ท่านกินบ้าง  มีโอกาสพาท่านไปเที่ยวบ้าง  พาไปทำบุญใส่บาตร   เข้าวัดเข้าวาตามโอกาสบ้าง ถ้าใครสามารถทำได้จะมีแต่ความเจริญแก่ตัวเอง  อย่าไปคิดว่าโลกยุคใหม่ เราทำอย่างนั้นแล้วเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี  ทำดีกับท่านไว้เถอะ ไม่เสียหลายหรอก ถึงเวลาลูกหลานมีตัวอย่าง ก็จะทำดีกับเราบ้าง
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2010 เมื่อ 14:31
 |