| 
				  
 
			
			ถาม :  เขาไปหาคนที่เขายังไม่รู้ว่าตายเพราะอะไร ไปหลอกหรือคะ ? ตอบ : เขาคิดถึง เขาเลยมาเยี่ยม อีกอย่างก็คือ ถ้าเขามาลักษณะนั้น เราก็อุทิศส่วนกุศลให้เขาอยู่แล้ว ตอนนั้นอาตมากำลังจะไปทำวัตรเย็นและเจริญกรรมฐานพอดี
 
 ช่วงแรก ๆ ก็ต้องตาลีตาเหลือกรีบไปทำวัตร พอช่วงหลังเลยใช้วิธีขออนุญาตครูนนทาใช้ห้องน้ำในตึก สรงน้ำเสร็จก็รอเวลา ๖ โมงเย็นจึงไปเรียกหลวงพี่ไพบูลย์ให้มารับเวรแทน เราค่อยรีบจ้ำอ้าวไปวิหาร ๑๐๐ เมตร
 
 อาตมาจะเป็นพระ ๑ ใน ๒ รูปในวัดที่เดินเร็วไปวิหาร ๑๐๐ เมตร เพราะส่วนใหญ่ท่านอื่น ๆ จะนั่งรถรางหรือรถอีแต๋นไป  ส่วนอีกรูปหนึ่งที่เดินไปวิหาร ๑๐๐ เมตร ตอนนี้ท่านอยู่บ้านข้าง ๆ วัด  คราวนี้เห็นหรือยัง พวกรั้น ๆ อยู่วัดไม่ค่อยได้หรอก
 
 ตอนขาไปใช้วิธีเดิน  ตอนขากลับเป็นเวลาค่ำแล้ว  จึงอาศัยรถอีแต๋นกลับ  ตรงนั้นแหละจึงได้เกิดการทดสอบมโนมยิทธิกัน
 
 ทางออกจากวิหาร ๑๐๐ เมตร ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า พอพ้นจากรั้วแล้วจะเป็นถนนเลย ท่านสำออยก็จะขับรถอีแต๋นพากลับ
 
 ท่านสำออย ชื่อนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะหลวงพ่อเรียกว่า "ท่านดุ่ย"  หลวงพ่อบอกว่า "ไปเมื่อไรก็เห็นทำแต่งานดุ่ย ๆ ไม่สนใจใคร เลยเรียกว่าท่านดุ่ย"
 
 ท่านดุ่ยก็จะคอยถามอาตมาเวลาข้ามถนนว่า "หลวงพี่..ขึ้นถนนได้หรือเปล่า ?"  พออาตมาบอกว่า "ได้..ไปเลย"   เขาก็แทบจะยกล้อขึ้นถนน ไม่มีเบรกเลย  ถึงได้บอกว่า ถ้าวันไหนอาตมาพลาดขึ้นมา ก็คงได้ตายกันทั้งคันรถ..!"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2010 เมื่อ 16:29
 |