ในเรื่องของการปฏิบัตินั้น ปัจจุบันทุกท่านรู้ในส่วนของทฤษฎี คือในด้านปริยัติธรรมมากเพียงพอแล้ว หลายท่านก็มากเกินไปแล้วด้วย จนกลายเป็นความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่า ทำอย่างไรที่เราจะเร่งพากเพียรปฏิบัติให้เกิดผล เมื่อเกิดผลแล้วจะนำไปบอกต่อกับใคร ก็จะมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าผู้บอกได้พิสูจน์ทราบด้วยการปฏิบัติจนเห็นผลเองแล้ว
แต่ถ้าหากว่าเรายังทำไม่ได้แล้วนำไปสอนคนอื่น ก็จะบังเกิดโทษหลายประการ อย่างเช่นว่า สอนไม่ถูกต้อง หรือว่า ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ เพราะกล่าวไปก็ไม่ตรงกับอารมณ์ปฏิบัติจริง เป็นต้น
เมื่อเราประเมินตนเองแล้ว เห็นจุดบกพร่อง อย่างเช่นว่า เริ่มท้อถอย เริ่มรามือ ไม่ได้เร่งรัดการทำความดีเหมือนตอนช่วงเข้าพรรษาใหม่ ๆ หรือว่าตอนช่วงเริ่มปฏิบัติใหม่ ๆ หรือสำหรับหลายท่านคือตอนช่วงที่เคยพบหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ ก็ให้เร่งรัดการปฏิบัติของตนเองให้ได้ในระดับนั้น
ในเมื่อรู้เห็นข้อบกพร่องก็สามารถที่จะแก้ไขได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า การดูที่ตัว แก้ที่ตัว ถึงจะถูกหลัก บุคคลอื่นเป็นส่วนหนึ่งของโลก ปัญหาของบุคคลอื่นก็เป็นปัญหาของโลกด้วย ขึ้นชื่อว่าโลกแล้ว ใหญ่เกินไป หนักเกินไปกว่าที่เราจะแบกไหว
เราจึงต้องดูที่ตัวแก้ไขที่ตัวเราเท่านั้น โดยเฉพาะดูใจของเราให้เห็นว่า ปัจจุบันนี้ในใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องสร้างให้มีขึ้นมา ความดีที่ว่าคือ ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ให้ดูว่าใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ถ้ามีอยู่ก็ให้ขับไล่ออกไป วิธีขับไล่ก็คือเข้าหา ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง ถ้าความดีเกาะอยู่ในใจของเรา ความชั่วก็เข้ามาไม่ได้ เมื่อขับไล่ออกไปได้แล้ว ก็ให้ระมัดระวังไว้ อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาได้อีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2010 เมื่อ 02:57
|