| 
				  
 
			
			พระอาจารย์กล่าวถึงครูบาทางภาคเหนือให้ฟังว่า "ถ้าจำไม่ผิด  น่าจะเป็น หนังสือศิลปะวัฒนธรรม  เขาขึ้นปกว่า ครูบาบ่มแก๊ส  
 สมัยก่อน คำว่า "ครูบา" หมายถึงพระเถระอาวุโสที่ทรงคุณความดีอย่างสูง  เป็นที่เคารพของคนทั้งบ้านทั้งเมือง
 
 พอรุ่นหลัง ๆ ตั้งแต่ครูบาเทือง  ครูบาบุญชุ่มขึ้นมา  เป็นที่เคารพนับถือตั้งแต่อายุน้อย ๆ  กลายเป็นรูปแบบครูบารุ่นใหม่ขึ้นมา  เขาก็เลยใช้คำว่า "ครูบาบ่มแก๊ส" คือ สุกไม่ทันก็เลยต้องบ่มด้วยแก๊ส
 
 แต่ถ้าจะเอาคำว่า "ครูบา" ตามความหมายแบบโบราณ  ก็จะขาดช่วงไปเลย  คำว่าขาดช่วงไป คือ หาบุคคลที่มีคุณความดีความงาม ระดับเดียวกับหลวงปู่หลวงพ่อครูบาในอดีตนั้นยังไม่ได้ ตั้งแต่รุ่นครูบาอิน  วัดฟ้าหลั่ง มรณภาพไปแล้ว   รุ่นหลัง ๆ ไม่ได้อย่างนั้น  จึงต้องเป็น "ครูบาบ่มแก๊ส" ไปก่อน
 
 แต่ดีใจว่า "ครูบาบ่มแก๊ส" ตามที่เขาวิพากษ์วิจารณ์นั้นมีเยอะ  รุ่นนี้ถ้าสามารถรักษาตัวรอดได้ เป็นพระเถระสัก  ๒๐  พรรษาขึ้นไป   วงการสงฆ์ของภาคเหนือจะมั่นคงเป็นหลักเป็นฐาน  เพราะท่านเริ่มเป็นที่เคารพนับถือของคนอื่นตั้งแต่พรรษายังน้อย
 
 โดยเฉพาะทางเหนือกับพม่า ในเรื่องของศาสนามาแนวเดียวกัน  ก็คือ  เคารพศรัทธาบุคคลตั้งแต่บวชเป็นเณร  บรรดาครูบาอายุน้อย ๆ  มักบวชตั้งแต่ยังเป็นเณร
 
 พอไปเจอหนังสือระดับนั้นกระทุ้งเข้า ก็แปลกนะ...เหมือนกับยิ่งตียิ่งดัง..!"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2010 เมื่อ 13:30
 |