
12-10-2010, 10:34
|
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
|
|
เมื่อขอเจ้าถ้ำแล้ว ไฟก็ติด หุงข้าวกินกันแล้วก็มีน้ำเหลือเล็กน้อย จึงตกลงว่าพรุ่งนี้จะต้องไปเอาน้ำ ทุกคนตกลงให้ข้าพเจ้าเฝ้าถ้ำอยู่คนเดียว ทั้ง ๓ คนจะออกเดินทางไปเอาน้ำเพราะข้าพเจ้าอายุมากกว่าทุกคน อีกประการหนึ่งไม่มีใครกล้าอยู่คนเดียว หากข้าพเจ้าไปเอาน้ำจะต้องมีคนเฝ้าถ้ำ จะเฝ้าของอยู่ ๒ คน ไปเอาน้ำ ๒ คน น้ำก็จะไม่พออยู่ครบ ๔ วัน
เขียนเรื่องนี้ละเอียดนิดหนึ่งเพื่อให้มองเห็นกฎเกณฑ์ในการออกเดินป่า ต้องรู้พอสมควร แรกก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องออกเดินป่าแสวงหา ค้นหาแนวทางปฏิบัติธรรม เพื่อฝึกจิตให้มีวิริยะธรรม ขันติธรรม สัจธรรม ทั้งฝึกฉันทธรรมให้บังเกิดในจิตของเรา เพื่อละพยศลดมานะ ทั้งละกามฉันท์ ๕ ประการ ที่คิดติดอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสแข็ง อ่อน ร้อน หนาว รักความสะดวกสบาย ติดอยู่ในลาภยศ สรรเสริญ ให้คลายความกำหนัดลง อันเป็นการทำลายกำแพงที่ขวางกั้นความสงบของจิต
นั่งพักผ่อนเพื่อย่อยอาหาร แล้วก็พากันสวดพระพุทธมนต์ บอกกล่าวผู้ดูแลถ้ำไม่ได้มาลองดีหรือลบหลู่ใด ๆ ไม่ได้มาค้นหาสมบัติ มาตามหาหลวงปู่ แต่ก็ไม่เห็นท่าน ขอค้นหาโมกขธรรมสัก ๔ คืน หวังว่าคงอนุญาต
แต่ในจิตนั้นคิดว่าหลวงปู่ท่านคงดูพวกเราอยู่ ปลอบใจตนเองไม่ให้กลัว (เข้าป่าเข้าถ้ำครั้งแรก) แต่ที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งที่ทุกคนมีความเห็นเหมือนกันหมด คือถ้ำทั้งสองเป็นที่อาศัยของค้างคาวจำนวนมาก หลายแสนหลายล้านตัวเต็มไปหมด ดูจากมูลของมันหนาไม่น้อยกว่า ๓ เมตร เดินบนมูลของมันเหมือนเดินบนพรม ที่สำคัญคือไม่มีกลิ่นเลย กลิ่นสาบมูลค้างคาวปกติจะเหม็นมาก แต่นี่เราปูผ้ายางนอนบนมูลของมันอยู่ทั่ง ๔ คืน ไม่มีกลิ่นติดตัวแม้แต่น้อย
อีกประการหนึ่ง ตอนขึ้นไปถึงครั้งแรกค้างคาวบินเข้าออกกันอยู่ แต่พอปักกลดตลอด ๔ คืน ไม่เห็นบินเข้าออกอีก ไม่เห็นมารบกวนเรา น่าสนเท่ห์จริง ๆ ท่านใดสงสัยลองขึ้นไปดูด้วยตนเอง แต่จะเป็นอย่างที่ข้าพเจ้ากับพวกเห็นหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ต้องลองดูหาคำตอบเอาเอง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2010 เมื่อ 11:51
|