ถาม : บางทีเราไปจับเวทนาที่ปวดมาก ๆ ก็ไม่ไหวค่ะ
ตอบ : จริง ๆ แล้วอยากจะบอกว่า สายพองหนอยุบหนอนั้น หลักการนั้นใช้ได้ แต่ตอนปฏิบัติไปกลับข้างกัน
อาตมาได้เขียนหนังสือไว้เล่มหนึ่ง ชื่อว่า "เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติสติปัฏฐานแบบพองหนอยุบหนอ" ซึ่งตอนนี้ยังออกไม่ได้ เพราะยังเป็นลูกศิษย์ที่ มจร. อยู่ ทางมหาวิทยาลัยเขาให้ปฏิบัติตามสายนี้ ถ้าหนังสือเล่มนี้ออกมา เท่ากับว่าไปโยนระเบิดใส่เขา..!
ในสายยุบหนอพองหนอ ท่านพูดถึงเรื่องการปรับอินทรีย์ ๕ ให้เสมอกัน อินทรีย์ ๕ นั้น ก็คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ซึ่งตัวสมาธิเขาจะให้ใช้แค่อุปจารสมาธิหรือไม่ก็เป็นขณิกสมาธิเท่านั้น โดยที่บอกว่าต้องปรับให้เสมอกับวิริยะ ค่อยเป็นค่อยไปทีละส่วน ทีละเล็กทีละน้อย
เขาบอกว่าถ้าหากสมาธิมากเกินไปจะทำให้ขี้เกียจ ก็คือจะนิ่งไปเฉย ๆ แต่ตรงจุดนี้เขาไม่เข้าใจว่า สมาธิเป็นตัวระงับกายสังขารและรัก โลภ โกรธ หลง ได้ดีที่สุด
อาตมาเองนั่งทำสมาธิ แล้วไปส่งอารมณ์สอบกับท่านอาจารย์ประเสริฐ สุมงฺคโล วัดเพลงวิปัสสนา ท่านอาจารย์ถามว่ามีเวทนาไหม ? อาตมาบอกว่าไม่มี แต่ท่านอาจารย์ไม่เชื่อ สั่งให้อาตมานั่งให้ดูเดี๋ยวนั้นเลย พออาตมานั่งไป ๔๕ นาที ท่านอาจารย์ก็เรียก พอท่านอาจารย์เรียกอาตมาลืมตาขึ้นมา ท่านก็สั่งให้ลุกเดินให้ดู
อาตมาก็เดินแล้วบอกกับท่านอาจารย์ไปว่า "ผมไม่เห็นมีเวทนาอะไรเลย" ท่านอาจารย์ถึงกับนั่งรำพึงว่า "เรื่องของสมาธิกำจัดเวทนาได้จริง ๆ" ท่านอาจารย์เข้าใจว่าอาตมานั่งนิ่งไปเฉย ๆ ไม่รับรู้อะไรข้างนอก แต่ท่านไม่รู้ว่าทุกอย่างที่คนอื่นทำตอนนั้น อาตมากำหนดรู้ได้ทั้งหมด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2010 เมื่อ 11:43
|