| 
				  
 
			
			พระอาจารย์กล่าวถึงลิเกให้ฟังว่า "ลูกสาวทั้งเจ็ดของท้าวสามล  เรามักจะรู้จักแต่นางรจนาคนเดียว  อีก  ๖  ท่าน ชื่ออะไร  มีใครรู้บ้าง ?
 เรื่องนี้อาตมารู้ได้เพราะตลกลิเก  พอท้าวสามลใช้ให้คนไปตามพี่ ๆ ทั้ง ๖ คนให้มาเลือกบรรดาเจ้าชาย  ที่มาคัดตัวเป็นราชบุตรเขย  ตัวตลกก็กล่าวว่า  "ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า พระพี่นางทั้ง  ๖ มีพระนามว่าอย่างไรบ้างพระเจ้าข้า ?
 
 ท้าวสามลบอกว่า "กูก็ไม่รู้เหมือนกัน" แล้วโบ้ยไปให้นางมณฑา  นางมณฑาไหวพริบดีมาก  สมกับที่เป็นลิเกตัวนำ นางมณฑานับนิ้วบอกเลยว่า  "มีชื่อดังนี้  มะลิวัลย์  จันทนา สารภี  ยี่สุ่นเทศ เกศเมือง เรืองยศ  รจนา"  ปฏิภาณสุดยอดจริง ๆ
 
 เรื่องการเล่นลิเก บางทีก็มีการทดสอบไหวพริบปฏิภาณ  บางทีก็หักมุมไปในตัว  บางทีเขาเล่นกันก็เบื่อบทตัวเอง อยากจะเล่นบทอื่นบ้าง ก็แกล้งเล่นบทนั้นเสียเลย   ถ้าคนดูเห็นว่าตัวเองเล่นได้ดีกว่า เดี๋ยวเขาก็ได้เล่นบทนั้นเอง
 
 ก่อนหน้านี้ที่กาญจนบุรีจะมีวัดถ้ำเสือดาว  ท่านอาจารย์บูรพา กับวัดเขาสามชั้น  ท่านอาจารย์กระโจมทอง ท่านทั้งสองเคยเล่นลิเกวงเดียวกันมา ต่างคนต่างมาบวช  ท่านอาจารย์กระโจมทองเล่นเป็นพระเอก  ท่านอาจารย์บูรพาเล่นเป็นผู้ร้าย
 
 ไป ๆ มา ๆ รู้สึกเบื่อ  ผู้ร้ายเวลาออกนอกโรงลิเก ชาวบ้านก็ด่า  ขว้างด้วยรองเท้า  ผู้ร้ายเลยอยากเป็นพระเอกบ้าง  ปรากฏว่าท่านอาจารย์กระโจมทองไม่ยอม เพราะเล่นเป็นพระเอกอยู่แล้ว  ท่านอาจารย์บูรพาเลยแยกวงไป  ท้ายสุดก็เจ๊งทั้งคู่ ต่างคนต่างมาบวช
 
 ทุกวันนี้ท่านอาจารย์บูรพายังบวชอยู่  ส่วนท่านอาจารย์กระโจมทองสึกไปแล้ว ท่านอาจารย์กระโจมทองเคยโดนอธิกรณ์อยู่ครั้งหนึ่ง  อาตมาตอนนั้นทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี จึงเป็นคนไปสอบสวนเอง  สอบสวนและก็รายงานไปว่าเป็นการกลั่นแกล้งกัน
 
 ท่านอาจารย์กระโจมทองติดลีลาลิเกเก่า พอท่านเจอหน้าอาตมาในฐานะผู้บังคับบัญชาเหนือตน ท่านเล่นถวายบังคมเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นพระ แต่ท่านติดนิสัยถวายบังคม..!"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2010 เมื่อ 02:13
 |