| 
				  
 
			
			"อะไรที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ  จะไปไม่มั่นใจไม่ได้  แม้ว่าผ่านการทดสอบไปแล้วก็อย่าเพิ่งมั่นใจ เพราะเราอาจจะรอดแค่ครั้งนั้น
 ตอนออกจากวัดท่าซุงมา มีโยมหลายคนที่เขารู้  เขามายืนส่ง  น้ำตาไหล น้ำตาร่วง  อาตมาก็คิดว่า เกิดมาชาติหนึ่ง  อยู่แล้วเขาเกรงใจ ไปแล้วเขาคิดถึงก็พอ  ไม่เอาอะไรมากมายไปกว่านี้อีกแล้ว
 
 สิ่งที่จำเป็นที่สุดที่ต้องทำก็คือ  ชำระใจของเราให้ผ่องใส  เพื่อจะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์เสียที    ถ้าหากมัวแต่ไปให้คนอื่นเขายึดมั่นถือมั่นในตัวของเรา และมาดึงให้เราติดอยู่ด้วย ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ถูกต้อง
 
 ตั้งแต่ฆราวาสแล้ว  อาตมาไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านอยู่อย่างหนึ่ง  คือ  ไม่มีการมาอำลาอาลัยกับเขาหรอก  สมัยนั้นมีพี่อยู่คนหนึ่ง  รู้จักมักคุ้นสนิทกัน  มักจะไปคุยหลักธรรมกัน   บางทีนั่งคุยจนถึงครึ่งค่อนวัน เราบอกว่า "ไปแล้วนะ"  บอกแล้วลุกไปเลย  "ไปแล้วนะ" แล้วก็ไปเลย  พอเขาเจอไปสองสามครั้ง เจอหน้าครั้งใหม่ เขาบอกว่า "น้องนี่เป็นคนแปลกนะ บอกไปเป็นไปเลย"
 
 ความจริงไม่แปลกหรอก แต่เป็นปกติของเรา   ปัจจุบันนี้เวลาพรรคพวกเพื่อนฝูงเขามาหา  เราทักทายพูดคุยกันตามปกติ  ไม่มีที่จะไปถามเขาว่าสบายดีหรือเปล่า หรือไปไหนมา มีธุระอะไร เรื่องจุกจิกซอกแซกไม่เคยถามสักคำเดียว
 
 ดู ๆ แล้ว ถ้าคนที่ยังติดพิธีรีตองทางโลกอยู่  เขาก็จะว่าอาตมาไร้มารยาท   แต่ความรู้สึกของอาตมาคือไม่มีอะไรจะคุย  ส่วนเขาเองก็ถามนั้นถามนี่ไปเรื่อย   อยากจะบอกเขาว่า เราเสียเวลามาคุยด้วยก็ยุ่งพอแล้ว  ถ้ายังต้องมาถามสารทุกข์สุขดิบของเขาอีก  ก็ออกจะมากเกินไปสำหรับเรา"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2010 เมื่อ 02:32
 |