| 
				  
 
			
			ถาม :  อยากรู้อานิสงส์การถวายดอกไม้ครับ ?ตอบ :  ต้องถามกลับว่าถวายใคร ?  ถวายพระพุทธเจ้าก็เป็นพุทธบูชา  ถวายพระสงฆ์ก็เป็นสังฆบูชา  หรือเวลาเขาสวดมนต์แล้วไปโปรยก็เป็นธัมมบูชา
 
 ท่านใช้คำว่าอัปปมาโณ หาประมาณไม่ได้  ขอให้บูชาด้วยความเคารพจริง ๆ เท่านั้น อย่างนายสุมนมาลาการมีหน้าที่เอาดอกมะลิไปถวายพระเจ้าปเสนทิโกศล  วันละ  ๘  ทะนาน
 
 วันนั้นเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา  นายสุมนมาลาการเกิดความปลื้มใจ  คิดว่า "แม้เราจะไม่มีดอกไม้ไปถวายพระราชา ถ้าท่านจะประหารชีวิตเราก็ตามทีเถอะ เราขอสร้างบุญไว้ก่อน" แล้วท่านก็ซัดดอกไม้ขึ้นไป  ๒  ทะนาน  ปรากฏว่าดอกไม้ขึ้นไปลอยเรียงเป็นเพดานกั้นให้พระพุทธเจ้า  ท่านก็เกิดความปลื้มใจ มีปีติมาก ซัดไปอีก  ๒  ทะนาน ดอกไม้ก็ลอยไปกั้นเป็นม่านอยู่เบื้องหลัง  ซัดไปอีก  ๒  ทะนาน ลอยไปกั้นอยู่เบื้องขวา  ซัดไปอีก  ๒  ทะนาน ลอยไปกั้นอยู่เบื้องซ้าย   จนหมดเกลี้ยงทั้ง ๘  ทะนาน
 
 พระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนก็เหมือนกับอยู่ในห้องดอกไม้  เปิดให้เห็นเฉพาะด้านหน้า  ชาวบ้านเห็นก็สาธุการกันเซ็งแซ่  แต่ภรรยาของนายสุมนมาลาการกลับคิดไปอีกอย่าง  คิดว่า "ตัวเองต้องแย่แน่ ๆ   สามีเอาดอกไม้ไปทำแบบนี้  พระราชาอาจจะสั่งประหารเราไปด้วย"  จึงรีบเข้าวังไปแจ้งความประสงค์กับพระราชา  ว่าตนเองเป็นภรรยาของนายสุมนมาลาการ  ขอหย่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  สิ่งต่าง ๆ ที่นายสุมนมาลาการทำ  ตนเองไม่ขอเกี่ยวข้อง
 
 พระเจ้าปเสนทิโกศลท่านอนุญาตให้หย่าได้  แล้วให้ราชบุรุษไปตามตัวนายสุมนมาลาการมา  ถามว่าทำไมจึงทำอย่างนั้น  ตอนทำคิดอย่างไร  นายสุมนมาลาการก็บอกให้รู้ว่า เห็นพระพุทธเจ้าเกิดความปลาบปลื้มปีติมาก อยากจะทำบุญ  จึงตัดสินใจว่าถ้าโดนพระราชาสั่งประหารชีวิตก็ยอม ขอทำบุญก็แล้วกัน
 
 พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงโมทนา  แล้วมอบสิ่งของพระราชทาน  โดยให้วัวไป  ๘ ตัว  ม้า  ๘ ตัว ช้าง  ๘  เชือก หมู่บ้านไปปกครองอีก  ๘  ตำบล  แล้วก็เมียอีก  ๘  คน   ส่วนภรรยาเก่าของนายมาลาการดันทะลึ่งไปขอหย่า  จึงไม่ได้อะไรเลยสักบาท..!
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 01:54
 |