| 
				  
 
			
			พระอาจารย์กล่าวถึงการศึกษาว่า "การศึกษาของบ้านเราน่าเป็นห่วงมาก  คุณภาพการศึกษาตกต่ำยังไม่พอ แม้แต่ไอคิวของเด็กยังตกต่ำ   จากผลงานวิจัยล่าสุด ไอคิวเด็กไทยเฉลี่ยอยู่ที่ ๘๘  ระดับนี้สำหรับฝรั่งแล้วเขาถือว่าโง่เลย  เพราะต่ำสุดต้อง  ๙๐  ขึ้นไป  
 ความจริงจะว่าไปแล้ว บรรดานักวิชาการต่าง ๆ เขาก็หวังดีกับวงการการศึกษาไทย  แต่ไม่ได้ดูพื้นฐานความเป็นมาของเด็ก  จึงมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรเป็น child  center  หลักสูตรที่ให้เด็กคิดเป็นทำเป็น หลักสูตรนี้ลอกแบบฝรั่งมาเต็ม ๆ โดยที่ไม่ได้ดูบริบทของสังคมเราว่าเป็นอย่างไร
 
 เด็กฝรั่งเริ่มจับช้อนเองได้ พ่อแม่ก็ส่งจานให้กินเองเลย  เด็กอาจจะละเลงเละไปทั้งบ้าน หรือเทรดหัวตัวเอง  พ่อแม่ก็ปล่อย  พอหมดเวลากิน  เขาก็จับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วปล่อยทิ้งเลย  ถ้ายังไม่ถึงอาหารมื้อใหม่ก็จะไม่มีให้กิน
 
 เด็กเขาจะเรียนรู้ได้เร็วมาก ว่าถ้าเขาไม่กินแล้วจะหิว  เพราะฉะนั้น..พอมื้อถัดไป  อย่างไรเขาต้องพยายามตักใส่ปากตัวเองให้ได้  เด็กฝรั่งเขาจะช่วยตัวเองได้ตั้งแต่เด็ก ๆ  ทำอะไรเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ  ในเมื่อถึงเวลาเข้าโรงเรียน  เขาสอนให้เด็กคิดเองทำเอง เขาก็เลยทำได้ง่าย
 
 แต่บ้านเรา  ๔ - ๕ ขวบแล้ว แม่ยังต้องมาป้อนข้าว "อ้ำ..กินนะลูก"  มีอยู่รายหนึ่งที่ชัดที่สุดก็คือ คุณหมอพรทิพย์  มีลูกสาวหลังจากแต่งงานไปแล้วสิบปี ชื่อ น้องเท็น
 
 น้องเท็นจะกินข้าวได้คำหนึ่ง จะต้องมีรถไฟวิ่งมาขบวนหนึ่ง  เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้ทางรถไฟ พอเด็กเห็นรถไฟก็ปรบมือชอบใจ  แม่ก็ตักข้าวใส่ปากได้คำหนึ่ง  ถ้ารถไฟไม่มาก็ไม่ต้องกิน
 
 ความจริงถ้าพ่อแม่จิตใจเด็ดเดี่ยวหน่อย  ปล่อยไปเลย  ไม่กินก็เรื่องของเด็ก  พอเด็กเขาอดเดี๋ยวเขาก็ตะกายมาหากินเอง  ไม่ต้องเสียเวลาไปวิ่งไล่ป้อนรอบบ้าน  และไม่ต้องไปโมโหเวลาลูกอมข้าวแล้วไม่ยอมเคี้ยว"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2010 เมื่อ 02:43
 |