มีใครเคยวิเคราะห์บ้างไหมว่า หลายต่อหลายคนที่เป็นนักปฏิบัติธรรม  รู้อยู่ว่าการมีครอบครัวมีแต่ความทุกข์แต่ก็ยังมี  เป็นเพราะสาเหตุอะไร ?
 
ตอนนี้เพื่อนรุ่นน้องอายุ  ๔๖  กำลังจะแต่งงานหลังออกพรรษานี้  คิดดูว่าเขาเข้าวัดมาทั้งชีวิต  ท้ายสุดเขาก็แต่งงานตอนแก่ เหตุผลที่เขาให้ก็คือ 
ห้ามใจตัวเองไม่ได้ พยายามตัดใจแล้วตัดไม่ได้  ตัวนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดเลย  ก็คือไม่สามารถที่จะสู้กิเลสไหว..!
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าข้างหน้าอาจจะเป็นนรก  แต่ก็กระโดดลงไปแต่โดยดี   ช่างมีความกล้าหาญเหลือเกิน..!   เอาความกล้ามาเปลี่ยนในการปฏิบัติธรรมหน่อยเดียว จะได้ดีอีกเยอะเลย  ในเมื่อกล้าที่จะสู้ก็ต้องกล้าที่จะหนีสิ..!
  เยื่อใยความผูกพันนั้นมีทั้งกรรมเก่าที่มาด้วย และการที่กำลังใจเราไม่เข้มแข็งพอ  ยอมอ่อนให้กับกิเลส  ในเมื่อสองอย่างรวมกันขึ้นมา ถ้ากำลังเขาสูงกว่าเราก็เสร็จกิเลส
เพื่อนเขาให้เหตุผลอยู่อย่างหนึ่ง ฟังแล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน  เขาบอกว่าเพื่อนอีกคนแต่งงานตั้งแต่อายุ  ๑๘  ก็เป็นอันว่าตกนรกมายาวนาน  เขาเองแต่งตอนอายุ  ๔๖  ตกนรกอย่างไรก็ไม่นานเท่าเพื่อนคนนั้นหรอก  เป็นเหตุผลที่เข้าข้างตัวเองมากเลย  แต่ก็ฟังได้แบบข้าง ๆ คู ๆ  
ก็เลยมีแต่คนสงสัยว่า ในเมื่อเขาโทรมา ทำไมอาตมาไม่ห้าม? นั่นเขามีคำตอบอยู่แล้ว เขาตัดสินใจไปแล้ว ห้ามไปจะมีประโยชน์อะไร ?  
บางทีก็มานั่งสังเวชใจตัวเอง  เหมือนกับเห็นคนเดินลงเหว แล้วเราทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ยืนมอง  ต้องเอา
มัทธนพาธาให้ไปอ่านหลาย ๆ รอบ เขาว่า  
ความรักเหมือนโรคา......บันดาลตาให้มืดมน  
ไม่ยินและไม่ยล.....................อุปสรรคะใดใด  
ความรักเหมือนโคถึก...........กำลังคึกผิว์ขังไว้  
ย่อมโลดจากคอกไป...........บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง  
ถึงหากจะผูกไว้..................ก็ดึงไปด้วยกำลัง  
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง...............บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย