| 
 
			
			"หลวงพ่อวัดท่าซุงจึงได้แยกแยะให้ว่า  ตาทิพย์กับทิพจักขุนั้นคนละเรื่องกัน   ตาทิพย์เป็นเรื่องของพรหมเทวดาหรือผี เขาจะมีเป็นปกติ   แต่ทิพจักขุญาณ ก็คือความรู้เหมือนกับมีตาทิพย์ อยากรู้เรื่องอะไรก็จะรู้ได้
 นั่นแหละ..สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของหลวงปู่จึงได้หลุดมา  หลวงปู่จึงได้กราบหลวงพ่อเป็นครูบาอาจารย์  ทั้ง ๆ ที่อายุของหลวงปู่ก็มากกว่าเป็นรอบ พรรษาก็มากกว่าเป็นสิบพรรษา
 
 ท่านเป็นบุคคลตัวอย่างที่เห็นชัด ๆ ในเรื่องการเอาจริงเอาจังและใฝ่รู้  ใครมีโอกาสเข้าไปดูในกุฏิหลวงปู่  จะเห็นว่าตำราแน่นไปทั้งห้องเลย  ถึงเวลาท่านก็คว้าหนังสือขึ้นมานั่งอ่านสบายใจ ไม่จบไม่เลิก บางทีอาตมาก็นั่งสับปะหงกรอ
 
 สี่ทุ่มก็แล้ว..ห้าทุ่มก็แล้ว  คนสมาธิดีเหมือนกับดิ่งลึกเข้าไปอยู่กับเนื้อหา จึงไม่รู้ถึงเวลาที่เปลี่ยนไป พอท่านเงยหน้าขึ้นมาเห็นเราสับปะหงกครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้  "อ้าว..นอนดีกว่า แต่..ต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนนะ"   แล้วก็ไปสวดมนต์ไหว้พระอีกเป็นชั่วโมง แล้วถึงจะเข้านอน"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2010 เมื่อ 03:19
 |