| 
				  
 
			
			พระอาจารย์กล่าวถึงโลกันตนรกให้ฟังว่า "โลกันต์เขาลงโทษด้วยความเย็น  เป็นนรกขุมเดียวที่อาตมาสนใจไปดู  ขุมอื่น ๆ ไม่ไปหรอก เพราะว่าเคยลงมาหมดแล้ว  ขาดโลกันต์ขุมเดียวยังไม่ได้ลง จึงต้องไปดู 
 อยากจะรู้ว่าการลงโทษด้วยความเย็นนั้นเย็นขนาดไหน ?  ก็เย็นขนาดที่สัตว์นรกตกกระทบผิวน้ำแล้วป่นเป็นผงไปเลย  กรอบขนาดนั้นเลย  แต่ป่นเป็นผงเฉพาะส่วนของเลือดเนื้อ  แต่กระดูกยังอยู่  ลองนึกถึงว่า ลำพังตัวคนก็หนาวจะแย่อยู่แล้ว ถ้าเหลือแต่กระดูกจะหนาวขนาดไหน ? เป็นรสชาติที่อธิบายไม่ได้หรอก นอกจากไปลงเสียเอง
 
 สักพักหนึ่งเลือดเนื้อก็กลับมาใหม่  รีบว่ายตะเกียกตะกายเพื่อจะหนีขึ้นฝั่ง  บางคนก็ตกอยู่ชิดฝั่งนี้ แต่มองอะไรไม่เห็น  ก็ตะกายว่ายไปอีกฝั่ง  กว่าจะไปถึงก็อีกไกล  ร่างก็แตกกรอบไปอีกรอบหนึ่ง"
 
 ถาม : ทำผิดอะไรนักหนาถึงโดนขนาดนี้ ?
 ตอบ : ทำผิดประมาณสี่เท่าของอเวจี  อย่าคิดว่าไม่มีใครทำได้นะ ตัวอย่างมี  ในคัมภีร์เภทธรรมติจักรศาสตร์ของมหายาน เขากล่าวถึงการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่สองว่า  ไม่ใช่เกิดจากความวิบัติของสีลสามัญตาแบบของเถรวาท
 
 ของเถรวาทกล่าวว่า  การสังคายนาเกิดจากความวิบัติของสีลสามัญตาเพราะว่าภิกษุพาวัชชีไปผ่อนผันศีลอยู่  ๑๐  ข้อ  อย่างเช่นว่า สุรารสอ่อนที่มีสีแดงเหมือนเท้านกพิราบนั้นดื่มได้   ก็คือกินไวน์ได้ หรือจับต้องเงินทองได้ ฯลฯ  พระยสกากัณฑบุตรจึงต้องทำการสังคายนาพระธรรมวินัยใหม่
 
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2010 เมื่อ 15:09
 |