ข้างในสว่างไสวเหมือนกลางวัน มีบ้านเรือน มีผู้คน แต่ละคนล้วนผิวพรรณดี ทุกคนมองดูสุภาพเรียบร้อยทั้งหญิงทั้งชาย มีปราสาทราชวังสวยงามเต็มไปด้วยเพชรพลอย เงินทองเต็มไปหมด ใครเห็นเข้าคงจะเพลิดเพลินกับทรัพย์สินที่มีอยู่ดาษดื่น ละลานตา
เจ้าเมืองพาตรงไปยังปราสาทหลังหนึ่ง พาเข้าไปดู เขาบอกวังของเขา ทำด้วยทองคำทั้งหลัง ข้างในสวยงามด้วยเครื่องประดับนานาชนิด แล้วพาชมเมืองจนทั่ว ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนจะออกมาส่งที่ปากถ้ำ เขาถามข้าพเจ้าว่า จะเอาอะไรบ้าง? จะให้ ข้าพเจ้าบอก ไม่เอาอะไร ได้ให้สัญญาไปแล้ว แต่เขาหยิบเหรียญทองคำขึ้นมาเหรียญหนึ่ง เหมือนเหรียญหนึ่งสตางค์สมัยก่อน แต่เหรียญใหญ่กว่าเล็กน้อย ด้านหนึ่งเป็นรูปกงจักร ด้านหนึ่งเป็นตัวหนังสือแต่อ่านไม่ออก เขาให้เอามาจะได้เป็นหลักฐานว่าได้มาเที่ยวเมืองนี้ เดี๋ยวจะไม่เชื่อ จึงรับเหรียญอันนั้นใส่กระเป๋าไว้
ได้จับมือกับเจ้าเมือง เขาพาเดินมาทางเดิม พาผ่านผนังถ้ำออกมาข้างนอกเกือบค่ำพอดี ได้กล่าวขอบคุณและร่ำลากัน ก่อนจะแยกจากกันนั้น เขายังสั่งไว้ว่า หากต้องการอะไรให้ไปบอก เขาจะช่วยทุกอย่าง" แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เคยไปขออะไร ถ้าไปขอแล้วจะได้ไหม? นั่นก็ยังไม่รู้ !!!
กลับถึงบ้านก็เอาเหรียญที่ได้ขึ้นมาดู เป็นทองสุกเปล่งปลั่งทั้งอัน นำเก็บไว้ในห้องพระ ย้ายไปย้ายมาเลยหายไป ขณะนี้ไม่มีให้ดูแล้วก็น่าเสียดาย จากเหรียญอันนั้น ทำให้รู้ว่าได้เข้าไปในเมืองลับแลจริง ๆ เมืองลับแลมีจริง ไม่ใช่เป็นเรื่องเล่ากันเพราะได้เข้าไปแล้วด้วยตนเอง เอากายหยาบเข้าไป ไม่ได้หลอกลวงตัวเอง มีหลักฐานออกมาเป็นเหรียญทองอันที่หายไป ข้าพเจ้าไม่แปลกใจอะไรเลยว่า โลกใบนี้มีอะไรเร้นลับที่ท้าทายให้ศึกษาอีกมากมาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๓๐
|