เมื่อฟังหลวงพ่อสอนแล้วก็อดเอามาใคร่ครวญพิจารณาไม่ได้ เพราะความเป็นพระมีค่าเพียงบาทเดียว หรือ ๕ มาสก เท่ากับ ๑ บาท ท่านสอนว่าพระเดินไปเห็นของมีค่าเกินกว่า ๑ บาทตกอยู่ เมื่อตาเห็นรูป จิตนึกอยากได้ ก็อาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดแล้ว พอเอามือจับของนั้น ยังมิได้ยกขึ้นหรือขยับของนั้น อาบัติปาจิตตีย์ก็เกิดแล้ว เพราะจิตเป็นบาปแล้ว หากยกของนั้นขึ้นมาก็อาบัติปาราชิกแล้วเป็นอัตโนมัติ เพราะไปเอาของ ๆ ผู้อื่นที่มีค่าเกินกว่า ๕ มาสก หรือ ๑ บาท มาเป็นของส่วนตัว ทำไมถึงละเอียดอย่างนี้ การเป็นพระนี่ช่างแสนยาก ก็คิดต่อไปว่าที่เราต้องกราบไหว้บูชาพระก็เพราะเหตุนี้แหละ จิตท่านต้องบริสุทธิ์จริง ๆ
จิตยังฟุ้งต่อไปว่า พระที่ท่านขึ้นรถเมล์ เขาก็เก็บเงินค่ารถ หากกระเป๋ารถเดินมาแล้ว พระแกล้งหลับโดยเจตนาเพื่อจะหลบเลี่ยงการเสียค่ารถ หากค่ารถเกินกว่า ๑ บาท แล้วกระเป๋าเห็นพระหลับก็ผ่านไปไม่เก็บ ผลก็คืออาบัติปาราชิกเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน เพราะอาบัติเกิดที่จิต เจตนาของจิตเป็นตัวบุญและบาป การเป็นพระที่สมบูรณ์จึงยากด้วยเหตุเหล่านี้
จิตฟุ้งต่อไปว่า มีพระระดับสมเด็จท่านตาย (มรณภาพ) ท่านเป็นพระใหญ่ที่ไม่จับเงิน จับทอง แต่พอตายท่านมีสมบัติเป็นเงินสดหลายสิบล้าน ไม่มีหลักฐานบอกว่าเป็นของสงฆ์แต่อย่างใด พวกญาติโยมของท่านก็ได้รับมรดกจากเงินส่วนนี้กันคนละหลายล้าน
เพื่อนผมท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า เพื่อนของท่านก็ได้รับเงินมรดกนี้ด้วย ได้แล้วก็ซื้อรถอเมริกันคันใหญ่นั่ง (เมื่อประมาณ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว) เพื่อนผมได้นั่งรถคันใหญ่นั้น แต่พอรู้ว่าเขาซื้อมันด้วยเงินอันไม่บริสุทธิ์ของพระใหญ่องค์นั้น เพื่อนผมก็บอกให้รถหยุด เธอมีธุระจะต้องลง เพราะเธอกลัวว่าหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างนั่งรถคันนั้น เธออาจจะต้องไปสู่ทุคติ นับว่าเพื่อนของผมมีหิริโอตตัปปะและฉลาดมาก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2010 เมื่อ 15:39
|