ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 09-09-2010, 10:52
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 188,897 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

เมื่อฟังหลวงพ่อสอนแล้วก็อดเอามาใคร่ครวญพิจารณาไม่ได้ เพราะความเป็นพระมีค่าเพียงบาทเดียว หรือ ๕ มาสก เท่ากับ ๑ บาท ท่านสอนว่าพระเดินไปเห็นของมีค่าเกินกว่า ๑ บาทตกอยู่ เมื่อตาเห็นรูป จิตนึกอยากได้ ก็อาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดแล้ว พอเอามือจับของนั้น ยังมิได้ยกขึ้นหรือขยับของนั้น อาบัติปาจิตตีย์ก็เกิดแล้ว เพราะจิตเป็นบาปแล้ว หากยกของนั้นขึ้นมาก็อาบัติปาราชิกแล้วเป็นอัตโนมัติ เพราะไปเอาของ ๆ ผู้อื่นที่มีค่าเกินกว่า ๕ มาสก หรือ ๑ บาท มาเป็นของส่วนตัว ทำไมถึงละเอียดอย่างนี้ การเป็นพระนี่ช่างแสนยาก ก็คิดต่อไปว่าที่เราต้องกราบไหว้บูชาพระก็เพราะเหตุนี้แหละ จิตท่านต้องบริสุทธิ์จริง

จิตยังฟุ้งต่อไปว่า พระที่ท่านขึ้นรถเมล์ เขาก็เก็บเงินค่ารถ หากกระเป๋ารถเดินมาแล้ว พระแกล้งหลับโดยเจตนาเพื่อจะหลบเลี่ยงการเสียค่ารถ หากค่ารถเกินกว่า ๑ บาท แล้วกระเป๋าเห็นพระหลับก็ผ่านไปไม่เก็บ ผลก็คืออาบัติปาราชิกเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน เพราะอาบัติเกิดที่จิต เจตนาของจิตเป็นตัวบุญและบาป การเป็นพระที่สมบูรณ์จึงยากด้วยเหตุเหล่านี้

จิตฟุ้งต่อไปว่า มีพระระดับสมเด็จท่านตาย (มรณภาพ) ท่านเป็นพระใหญ่ที่ไม่จับเงิน จับทอง แต่พอตายท่านมีสมบัติเป็นเงินสดหลายสิบล้าน ไม่มีหลักฐานบอกว่าเป็นของสงฆ์แต่อย่างใด พวกญาติโยมของท่านก็ได้รับมรดกจากเงินส่วนนี้กันคนละหลายล้าน

เพื่อนผมท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า เพื่อนของท่านก็ได้รับเงินมรดกนี้ด้วย ได้แล้วก็ซื้อรถอเมริกันคันใหญ่นั่ง (เมื่อประมาณ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว) เพื่อนผมได้นั่งรถคันใหญ่นั้น แต่พอรู้ว่าเขาซื้อมันด้วยเงินอันไม่บริสุทธิ์ของพระใหญ่องค์นั้น เพื่อนผมก็บอกให้รถหยุด เธอมีธุระจะต้องลง เพราะเธอกลัวว่าหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างนั่งรถคันนั้น เธออาจจะต้องไปสู่ทุคติ นับว่าเพื่อนของผมมีหิริโอตตัปปะและฉลาดมาก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2010 เมื่อ 15:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา