| 
				  
 
			
			"อยากให้พวกเราลองคิดดูว่า ถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบเขา เราจะทำอย่างไร ?  อย่างของท่านจารึก  ท่านเกิดมาท่ามกลางสงครามเลย  ถ้าไม่ใช่บุญรักษาหรือกรรมรักษา  คงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ญาติพี่น้องล้วนกลายเป็นโครงกระดูกในทุ่งสังหาร  
 อาตมาไปชายแดนตาพะยา ช่วงปี  ๒๕๒๔  อยู่นั่นปีกว่า เชื่อหรือไม่ว่าในทุ่งมีแต่โครงกระดูก  บางโครงยังโดนมัดติดกับต้นไม้อยู่เลย  ต้องไปค่อย ๆ เก็บฝังให้เขา  เพราะว่าช่วงนั้นทหารญวนเฮงสัมรินลุยเข้ามา ปะทะกันที่โนนหมากมุ่น ตายไปสามร้อยกว่าศพ  พวกที่เกิดไม่ทันไม่รู้หรอกว่าทหารต้องลำบากแค่ไหน
 อาตมาต้องไปกอดปืนยืนหนาวอยู่กลางป่าเป็นปี
 
 ท่านมังคละปิยะ ท่านเกิดมากลางดงอิสลาม เป็นชนกลุ่มน้อย และศาสนาอิสลามเขาไม่ถือว่าศาสนาอื่นเป็นคนอยู่แล้ว  เขาลำบากทุกข์ยากกว่าเรามากนัก
 
 ท่านกุเวระอายุยังน้อยมาก ๒๐ เศษ ๆ ไม่ถึง ๓๐ ปี ก็เลยกลายเป็นว่าตลอดชีวิตของท่านตั้งแต่เกิด  รู้ความมาจนกระทั่งถึงบัดนี้  ประเทศพม่าไม่เคยว่างเว้นจากเผด็จการทหารเลย  ต้องการอะไรทหารมาเอาจากชาวบ้านไปหมด
 
 อาจารย์เตชะ เป็นพระธรรมทูตมาอาศัยอยู่วัดท่าขนุน  วันนั้นที่ฉันอาหารกันอยู่  ท่านก็หยิบลำไยให้ดู แล้วถามว่า "นี่เรียกว่าอะไร ?"  พระครูหน่อยก็บอกว่า "ลำไย..พม่าไม่มีละสิ" พูดในลักษณะหัวเราะ  ท่านเตชะก็สั่นหัวเพราะว่าไม่มีจริง ๆ
 
 อาตมาถึงได้บอกว่า "พระครูหน่อย..ในพม่าแค่ปลูกข้าวพอให้ชาวบ้านกินก็ยากแล้ว เขาไม่มีเวลาไปปลูกอย่างอื่นหรอก  เพราะเวลาได้ข้าวมา  ถ้าทหารอยากได้เขาจะเอาไปหมดเลย เขาไม่สนใจว่าคุณมีกินหรือเปล่า"
 
 ตอนที่ไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ มีบ้านมอญ บ้านทวาย ล้อมรอบอยู่สามหมู่บ้าน  ถึงเวลาวันตรุษ วันสารท  วันสงกรานต์  เดี๋ยวก็ อส.  เดี๋ยวก็ ตชด. เดี๋ยวก็ตำรวจ เดี๋ยวก็ทหาร  เดี๋ยวก็ผู้ใหญ่บ้าน  มาถึงก็จับคนของเขาไป  ต้องเอาเงินไปไถ่ตัวคนละสามพันหรือห้าพัน  จึงได้ตัวกลับมา  แค่อยากได้เงินกินเหล้าเท่านั้น ก็จับไปดื้อ ๆ"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:32
 |