๓. “อายตนะ ๑๒ ที่ท่านพระอานนท์ให้พวกเอ็งทำนั้น หากทำได้ดีพอสมควร จิตก็จะตัดกามคุณ ๕ ได้อย่างเด็ดขาด เพราะธรรมภายใน (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ธรรมภายนอก (คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์) หมวดนี้แก้อารมณ์ราคะและปฏิฆะได้โดยตรง จงพิจารณาให้ดี ๆ ให้ถึงที่สุดของความดับ เห็นสภาพที่แท้จริงของความดับในอายตนะ ๑๒ นี้ ถ้าหากทำได้ ก็จะเป็นพระอนาคามีได้ไม่ยาก ถ้าหากทำดีได้ถึงที่สุด ก็มีสิทธิ์เข้าถึงพระอรหัตผลได้แน่นอน”
๔. “ขอบอกย่อ ๆ ไว้เป็นตัวอย่าง อย่างตานี่ (หมายถึงดวงตา) เป็นธรรมภายนอก มีความเสื่อมอย่างที่ท่านพระอานนท์บอก มันเคลื่อนไปทุกขณะจิต และสภาพของตามันไม่คงที่ อายุสัก ๔๐ ปีก็ต้องหาแว่นมาใส่ให้มัน เพราะเลนส์มันเสื่อม บางรายมีกรรมหนัก ตาบอดเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย และในที่สุดอนัตตาใหญ่มาถึง คือ ร่างกายมันตาย ประสาทตามันก็ต้องดับ และตาก็เน่าเฟะ ตาเป็นอาหารของหมู่หนอนไปในที่สุด
สำหรับรูปซึ่งเป็นธรรมภายนอกคู่กับตา มองไปรูปก็เคลื่อนไปทุกขณะจิต ไม่ว่าคน สัตว์ วัตถุและรูปทุกชนิด ทุกรูปมาจากธาตุ ๔ มีความเกิดเป็นเบื้องต้น มีความเสื่อมไปในท่ามกลาง และมีความตายไปในที่สุด ตายแล้วก็เน่าเปื่อยผุพัง เป็นอนัตตาเหมือนกัน นี่คิดให้เป็นต้องคิดให้ถึงที่สุด คิดทุกคู่เพราะเกี่ยวข้องกับกามคุณ ๕ เกี่ยวข้องกับอารมณ์ราคะและอารมณ์ปฏิฆะโดยตรง ถ้าหากคิดด้วยปัญญา ไม่ใช่จำด้วยสัญญา คิดบ่อย ๆ จนจิตยอมรับสภาพของความเป็นจริงคือ อริยสัจของอายตนะ ๑๒ นี้ จิตมันก็หมดอารมณ์ราคะ-ปฏิฆะได้
อย่าว่าแต่หนุ่มสาวที่ไหนจะมาสึกพระด้วยตนเองเลย แถมเอาช้างมาลากฉุดดึงอีก ๑๐๐ เชือก จิตของพระมันก็ไม่ไป เตลิดไม่ได้แล้ว หมดอยากรัก อยากโกรธ แต่ยังไม่หมดหลงหรอกนะ พระอนาคามีนี่ยังมีหลงอยู่อีก ก็ต้องหมดหลงเอาเมื่อเป็นพระอรหันต์นั่นแหละ”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com