ล่องแก่งมหาภัย ตอนที่ ๓
ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงน้ำไหล ดูนาฬิกาเห็นเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี นาฬิกาเรือนนี้เหมาะกับคนแก่อย่างอาตมามาก มันฝังหลอดบรรจุไอโซโทปของไฮโดรเจน เปล่งแสงสว่างออกมามากน้อยตามความเข้มของแสง ยิ่งมืดก็ยิ่งสว่าง เที่ยงคืนแบบนี้มันสว่างทะลุจีวรเลยละ..!
นั่งภาวนาจนตีสี่ กำลังใจของเรามีขึ้นมีลง ถ้าประมาทไม่หมั่นภาวนาทรงระดับเอาไว้ เกิดกิเลสมันตีกลับชวนสึกไปมีเมียมันจะยุ่งกันใหญ่ เลิกจากภาวนาไปล้างหน้าเช็ดตัว แล้วครองผ้าสวดมนต์ทำวัตรไปตามปกติ ท่านนาวินที่ตื่นเพราะเสียงเดินของอาตมา จัดการล้างหน้าและทำวัตรบ้าง...

บรรยากาศยามเช้ามืด หมอกมัวไปทั้งแม่น้ำ
ตีห้าครึ่งเณรมาตามไปฉันเช้า เขาคิดค่าอาหารพระรูปละ ๒๐๐ จั๊ต เณร ๑๕๐ จั๊ต เณรเล็ก ๆ ก็ไม่ว่ากันหรอก นี่เณรโคร่งตัวเกือบเท่าพระ ฉันมากกว่าอาตมาสักสามเท่าเห็นจะได้กระมัง ? แต่ในเมื่อเขาคิดตามธรรมเนียมแบบนี้ ก็จำเราต้องยอมเสียเปรียบเณรไปก่อน...
หกโมงเช้าออกเรือ หมอกหนามองแทบไม่เห็นทาง วิ่งฝ่าละอองหมอกจนจีวรเปียกชื้นไปทั้งผืน น้ำกำลังขึ้น ทำให้เรือของเรากลายเป็นวิ่งทวนน้ำ วัดหนองบัวอยู่ใกล้ปากอ่าวเมาะตะมะ น้ำตอนปลายของแม่น้ำอัตทรานนี้ เลยพลอยขึ้นลงตามน้ำทะเลไปด้วย...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2010 เมื่อ 03:01
|