ผ่านสายน้ำแยกออกไปทางขวาเป็นห้วยแห้งไปแล้ว ท่านนาวินบอกว่า ตรงจุดนี้มีทางเกวียนไปยังบ้านหนองบัว ถ้าเดินทางด้วยเกวียนจากจุดนี้ ต้องค้างกลางทางหนึ่งคืน หน้าแล้งมีรถจากด่านเจดีย์สามองค์มาถึง อุตส่าห์ถ่อสังขารมากับเรือจนถึงขนาดนี้แล้ว คุณจะขี่เกวียนก็ตามสะดวก ผมยอมทนนั่งหลังขดหลังแข็งไปกับเรือแบบนี้ดีกว่า...

ขี่เกวียนไปแบบนี้ค้างอีกคืนเดียวก็ถึงแล้ว..!
ตะวันลดความร้อนลงไปมาก เนื่องจากตกต่ำจนเริ่มบังเงาไม้ สายน้ำแผ่กระจายออกกว้าง แก่งหินโผล่เห็นเด่นชัด แพซุงแพหนึ่งไปเกยติดอยู่กลางแก่ง บรรดานักเลงแพซุงกำลังช่วยกันงัดให้หลุด เรือของเราลงร่องน้ำได้ผ่านฉิวไปเลย นกยางกรอกสองตัวผัวเมียผวาบินหนีเรือ เห็นขาวโพลนเด่นชัด พอหลุบปีกลงเกาะก็หายวับไปกับตา เนื่องจากขนภายนอกของมันสีกลืนกับดงไม้อย่างสนิท...

ตรงที่นูน ๆ นั่นแหละครับท่านสารวัตร แก่งหินล้วน ๆ..!
แก่งน้ำขนาดใหญ่ สายน้ำเชี่ยวน่าสะพรึงกลัว เกลียวคลื่นม้วนตัวดังโครมครืน อ่องโมหน้าเครียดมือกุมหางเรือกระชับมั่น สายตาจ้องเขม็งอยู่ที่ร่องน้ำ อาตมาจับเคล็ดได้แล้วว่า ส่วนของคลื่นที่ม้วนเป็นลูกโต ๆ นั้น ข้างล่างคือโขดหินก้อนใหญ่ ต้องพาเรือลงระหว่างลูกคลื่นจึงจะรอด เรือของเราพุ่งลงร่องตรงกลางคลื่นพอดิบพอดี อาตมาเพิ่งถอนใจโล่งอก กราบเรือก็กระแทกหินเสียงดังครืด..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2010 เมื่อ 03:12
|