ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 28-07-2010, 09:43
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,893 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๖. มัวแต่มีอารมณ์ยินดียินร้ายในกรรมของบุคคลอื่น ทำให้เสียผลของการปฏิบัติ เขาดีหรือเขาเลวก็ไม่ได้มาช่วยให้จิตของเจ้าดีขึ้น ถ้าหากละเลยไม่สนใจผลของการปฏิบัติ มัวแต่มองผลของกรรมของบุคคลอื่น สังขารุเบกขาญาณก็เกิดขึ้นได้ยาก

๗. อย่าลืม อารมณ์ใครก็ไม่สำคัญ สำคัญที่อารมณ์จิตของเรา พยายามดูอารมณ์ของตนเองเข้าไว้เป็นสำคัญ

๘. อารมณ์คนอื่นดูแล้ว ละไปจากอารมณ์ของเราโดยเร็ว ให้ลงตัวปกติในธรรมของบุคคลนั้นๆ อย่าใช้อารมณ์ของเราเข้าไปปรุงแต่งธรรม มันจักทำให้อารมณ์จิตของเราเสีย ทำให้เกิดอารมณ์ตำหนิกรรม ไม่มากก็น้อย

๙. จงระมัดระวังให้มาก ดูอารมณ์จิตตรงนี้เอาไว้ให้ดี ๆ ที่เอาดีกันไม่ค่อยจักได้ ก็เพราะมัวแต่สนใจอารมณ์ของบุคคลอื่นนี่แหละ

๑๐. ขาดอุเบกขารมณ์เป็นสำคัญ พรหมวิหาร ๔ ขาดตัวปลายอีก ๓ ตัว กำลังก็ยังอ่อน เจ้าจงหมั่นพยายามเจริญพรหมวิหาร ๔ ให้มาก ไม่ใช่ท่องจำ ต้องหมั่นเอามาคิดพิจารณาทุกครั้งที่จิตเสวยอารมณ์ที่เบียดเบียนตนเอง ต้องรู้ด้วย-จำด้วย และทำด้วยในพรหมวิหาร ๔ อย่าจำแค่ตัวหนังสือ จักหาผลได้ยาก พรหมธรรมทำไม่ได้ ก็เป็นพระอนาคามีไม่ได้ จักหวังอะไรกับพระอรหัตผล

๑๑. จงหมั่นทำไป อย่าละความเพียร และห้ามบ่นท้อแท้ด้วย กิเลสมันไหลออกมาทางวาจา ยิ่งบ่นยิ่งเพิ่มอารมณ์ จักมีประโยชน์อันใด เลิกจริยานี้เสียที
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา