เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๓
ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัว อย่าลืมตั้งกายให้ตรงด้วย เพียงแต่ว่าอย่าไปเกร็งร่างกาย ขยับให้อยู่ในจังหวะที่ตรงพอดี เพื่อที่ลมหายใจเข้าออกจะได้เดินได้โดยสะดวก
แล้วกำหนดความรู้สึกทั้งหมด ให้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา จะได้สร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นแก่เราก่อนเป็นอันดับแรก
สำหรับวันนี้เป็นวันที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมวันสุดท้ายของเดือนกรกฎาคมของเรา แต่ที่จริงเดือนนี้เรามาปฏิบัติทั้งหัวเดือนและท้ายเดือน เพราะว่าวันที่ ๓๐ - ๓๑ กรกฎาคม ก็จะมาปฏิบัติกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง จริง ๆ นับเนื่องเป็นเดือนสิงหาคม แต่ว่ามาปลายเดือนกรกฎาคมเท่านั้น
เมื่อตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา จนกระทั่งกำลังใจทรงตัวแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ ต้องคลายกำลังใจออกมา แล้วพิจารณาให้เห็นสภาพที่แท้จริงในร่างกายของเรา ร่างกายของคนอื่น สัตว์อื่น ตลอดจนสรรพสิ่งทุกอย่างในโลก ว่าตกอยู่ในสามัญลักษณะ คือ ลักษณะที่จะต้องเป็นไปโดยทั่วหน้ากัน
มีสามอย่างด้วยกัน คือ
๑. อนิจจลักษณะ ความไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด
๒. ทุกขลักษณะ เป็นสิ่งที่เราต้องทน การดำรงชีวิตอยู่ของเรา ต้องทนอยู่กับสิ่งต่าง ๆ รอบข้าง ความทุกข์ที่เกิดกับเรานั้น มีตั้งแต่ลืมตาขึ้นจนกระทั่งหลับตาลง แม้กระทั่งนอนอยู่ ความทุกข์ก็กัดกินเราอยู่ตลอดเวลา
๓. อนัตตลักษณะ ลักษณะของความไม่ใช่ตัวตน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนประกอบขึ้นจากธาตุสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อแยกแยะออกมาแล้ว จะไม่มีอะไรเหลือเป็นเรา เป็นของเราเลย
โบราณาจารย์ท่านกล่าวเอาไว้ว่า สันตติ คือ ความสืบเนื่องกันอย่างไม่ขาดสาย ปิดบังไว้ซึ่งอนิจจลักษณะ ถ้าหากขาดช่วงลง เราก็จะเห็นว่าไม่เที่ยง
การเกิดต่อเนื่องตามกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราคิดว่าเป็นของเที่ยง แต่บุคคลที่มีปัญญา สามารถพิจารณาเห็นได้ แม้ว่าสันตติจะครอบงำอยู่ในมนุษย์และสัตว์ ตลอดจนสรรพสิ่งทุกรูปทุกนามก็ตาม
อย่างเช่น เราเห็นว่านี่เป็นเด็กเล็ก นี่เป็นเด็กโต นี่เป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว นี่เป็นคนหนุ่มคนสาว นี่เป็นคนวัยกลางคน นี่เป็นคนแก่ เป็นต้น เราจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จะต้องให้สติปัญญาของเรารู้เท่าทันในทุกครั้งที่ตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิด ว่าทุกอย่างมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ เกิดขึ้นแล้วก็สลายไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2010 เมื่อ 03:39
|