| 
				  
 
			
			ถาม : จะรักษาใจให้ใสสบายไปอย่างนี้เรื่อย ๆ  รู้สึกว่าตนเองไม่มีงานอะไรจะทำตอบ :  งานสำคัญก็คือ  ระวังอย่าให้รัก โลภ โกรธ หลงเข้ามาก็แล้วกัน
 
 ถาม : มันไม่ค่อยมา  มันเหงาค่ะ
 ตอบ :  ระวังตอนที่มา แล้วเอาไม่อยู่  จะรู้ว่างานเยอะกว่าที่เราคิด..!
 
 ถาม : ระหว่างรอมันทำอย่างไรดี ?
 ตอบ :  ทำไมต้องรอ แทนที่จะรอ..เราก็ดาหน้าบุกเข้าไปบี้มันให้ตายไปเลย..!
 
 ถาม : หามันอย่างไรคะ ?
 ตอบ :  ก็ศีล สมาธิ ปัญญา  ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก  อย่างที่พระสารีบุตรท่านบอกกับพระลูกศิษย์ว่า  แม้เป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังต้องพิจารณาอยู่  เพื่อความอยู่สุขของตน  อย่าเผลอมั่นใจว่าความดีจะไม่เสื่อม
 
 ถาม :  เป็นลักษณะที่ว่า  ยิ่งว่าง..งานยิ่งเยอะ   อะไร ๆ ก็จับมาพิจารณาได้  แบบนี้ใช่หรือเปล่า?
 ตอบ :  จะเรียกว่างานเยอะก็ไม่ใช่เยอะ เพราะระวังใจตัวเอง แต่การระวังใจตัวเดียวนี่เป็นสุดยอดของความยากเลย
 
 ต้องมีความรู้สึกตัวอยู่เสมอ ว่าเราอยู่ในกองทุกข์  ไฟราคะ โลภะ  โทสะ  โมหะ  เผาเราอยู่ตลอดเวลา  เราต้องดิ้นรนหนีไปให้เร็วที่สุด  ไม่ใช่นอนสบายใจเฉิบว่าไม่มีงาน  จะนอนเฉย ๆ  ก็ได้  ไฟไหม้ถึงตัวเมื่อไรก็เดือดร้อนเมื่อนั้น..!
 
 ถาม : รู้สึกว่าทุกข์อะไรที่จะเข้ามา ก็เข้ามาได้แค่ร่างกาย  ไม่ได้มาถึงเรา
 ตอบ :  แค่ระวังไม่ให้มาถึงเราก็แย่แล้ว  สภาพจิตที่ละเอียดพอ  แม้กระทั่งความสุขในธรรมที่เขาเห็นอยู่  เขาก็เห็นว่ามีทุกข์แฝงอยู่  เพราะว่าเราต้องคอยระมัดระวังประคับประคองไว้อยู่เสมอ  ไม่อย่างนั้น..เกรงว่าอารมณ์นั้นจะสูญสลายไป  ถ้าสภาพจิตไม่ละเอียดพอก็กินไปเรื่อย  ต้นทุนหมดเมื่อไรก็สาหัสเมื่อนั้น..!
 
 ถาม :  ทำอย่างไรเราจะไม่ต้องระมัดระวังต่อไป ?
 ตอบ : หลวงตาบัวท่านเคยเปรียบเทียบว่า  อย่าทำตัวเป็นหมูพาดเขียง  หมูเดินมาเจอเขียงอยู่ ก็หนุนนอน  ใครเอามาให้เรารองหัวพอดี สบายจังเลย  หารู้ไม่ว่ากำลังนอนรอความตายอยู่ชัด ๆ..!
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-07-2010 เมื่อ 15:52
 |