| 
				  
 
			
			"ในเมื่อศาสนาพุทธไม่มีการกีดกั้นวรรณะ  จึงทำให้บุคคลจากวรรณะต่าง ๆ พากันเข้ามาบวชและเป็นสาวกจำนวนมาก  ขณะเดียวกันเมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว  หลายท่านก็มีฤทธิ์มีเดช  โดยวิสัยเดิมก็แสดงให้ชาวบ้านเขาเห็น
 อย่างพระสาคตะก็ไปแสดงฤทธิ์ปราบพญานาค ชาวบ้านก็เลยพร้อมใจถวายสุราให้ท่าน  จนท่านเมามายขาดสติ   กลายเป็นต้นบัญญัติข้อห้ามดื่มสุราไป
 
 สมัยนั้นพญานาคไปยึดท่าน้ำของชาวบ้าน  พอใครเข้ามาใกล้ก็จะทำร้าย  จนกระทั่งเขาไม่สามารถที่จะใช้น้ำได้  พระสาคตะท่านเก่งทางเตโชกสิณ  จึงเผาพญานาคเสียกระเจิงอยู่ไม่ได้ ชาวบ้านก็มาถามลูกศิษย์ว่าพระสาคตะท่านชอบอะไร ? เขาก็บอกว่า "พระเถระท่านชอบสุรารสอ่อนสีเหมือนเท้านกพิราบ"
 
 ปรากฏว่าพอพระสาคตะบิณฑบาตบ้านไหน  เขาก็ถวายแต่สุรา  สุดท้ายท่านเลยเมานอนหมอบอยู่ข้างทาง  พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมาพอดี ถามว่า "อานันทะ ดูก่อน..อานนท์  นั่นเป็นผู้ใดหรือ ?"  พระอานนท์กราบทูลว่า  "พระสาคตะพระเจ้าข้า"  พระพุทธเจ้าจึงตรัสแก่พระอานนท์ว่า "พระสาคตะเถระที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ  ว่ามีฤทธิ์มากถึงขนาดปราบพญานาคได้ใช่ไหม ? แล้วตอนนี้ปราบงูเขียวได้หรือไม่เล่า ?"  พระองค์ท่านจึงบัญญัติห้ามภิกษุดื่มสุราเมรัยตั้งแต่นั้นมา
 
 หรือไม่ก็อย่างพระปิณโฑลภารทวาชะ  เหาะไปเอาบาตรไม้แก่นจันทน์ของมหาเศรษฐี  หรือไม่ก็อย่างพระโมคคัลลานะไปเที่ยวนรก เที่ยวสวรรค์  แล้วก็มาประกาศให้ทราบว่า ญาติพี่น้องของคนนั้นตายไปแล้วตอนนี้เป็นอย่างไร
 
 นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนายิ่ง ๆ ขึ้น  เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงเผยแผ่เร็วมาก   แผ่กว้างออกเร็วชนิดสำนักอื่นตามไม่ทัน  โดยเฉพาะบรรดาเศรษฐีที่นับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน  พอมานับถือศาสนาพุทธแล้วจะทำบุญเฉพาะในพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้ายังต้องทรงห้ามเอาไว้
 
 อย่างมหาเศรษฐีชื่ออุบาลี ท่านถือศาสนาพุทธแล้ว  ตั้งใจจะเลี้ยงแต่พระสงฆ์ในพุทธศาสนา  ไม่เลี้ยงพราหมณ์แล้วเพราะเห็นว่าเปลืองข้าวเปล่า  ๆ  พระพุทธเจ้าตรัสให้เลี้ยงต่อไปตามปกติ  แต่อุบาลีเศรษฐีก็อดไม่ได้  สั่งคนใช้ว่า  ถ้าพราหมณ์ลัทธิอื่นมาให้อยู่แค่ประตูนอก  ถ้าเป็นสมณะในพระพุทธศาสนาให้นิมนต์มาข้างในเลย  ทำเอาพวกลัทธิอื่นแช่งชักหักกระดูกพระพุทธเจ้าเสียไม่มี..!"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2010 เมื่อ 02:33
 |