เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓
นั่งในท่าที่สบายของทุกคน โดยเฉพาะที่สำคัญตั้งกายให้ตรง ดำรงสติของเราทั้งหมดอยู่เฉพาะหน้า กำหนดรู้ตามลมหายใจเข้าออก โดยใช้คำภาวนาตามที่เราถนัด หายใจเข้ากำหนดรู้พร้อมกับคำภาวนา หายใจออกกำหนดรู้พร้อมกับคำภาวนา
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันที่สองของเดือนกรกฎาคมนี้ วันนี้มีคนถามปัญหาว่า ตนเองต้องการความเป็นพระโสดาบัน แต่กำลังใจไม่ทรงตัว ถึงเวลาพูดคุยกับเพื่อนฝูงหรือทำการงาน สมาธิมักจะเคลื่อนหลุดไป
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ทุกท่านต้องเข้าใจว่า ความเป็นพระโสดาบันนั้นไม่ใช่อยู่ที่สมาธิอย่างเดียว ความเป็นโสดาบันนั้น ต้องถึงพร้อมด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาเช่นกัน แต่ว่าเป็นศีล สมาธิ ปัญญาขั้นต้นในระดับพระโสดาบัน
ในเรื่องของศีลนั้น พระโสดาบันท่านรักษาศีลทุกสิกขาบทโดยบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้คนอื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล เป็นต้น
การที่ศีลของพระโสดาบันท่านทรงตัวสมบูรณ์บริบูรณ์นั้น เนื่องเพราะเห็นความเป็นจริงที่ว่า เป็นธรรมดาของคนและสัตว์ทุกรูปทุกนาม ไม่มีใครต้องการให้ผู้อื่นมาฆ่าหรือทำร้ายตนเอง เมื่อเป็นดังนี้จึงได้ละเว้นการฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่น
มีความเห็นชัดว่า การลักขโมย หยิบฉวย ช่วงชิง หรือฉ้อโกงทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตนนั้น มีทุกข์มีโทษอย่างไร ? จึงละเว้นจากการกระทำอย่างนั้น
มีความเห็นอย่างชัดเจนว่า การที่เราไปช่วงชิงสิ่งของที่เขารัก คนที่เขารัก ทำให้ผู้อื่นและตนเองเดือดร้อนอย่างไร ? จึงได้ละเว้นไม่กระทำสิ่งนั้น
มีความเห็นอย่างชัดเจนว่า การพูดจาในสิ่งที่ดี มีประโยชน์อย่างไร ? และการพูดจาโกหกมดเท็จนั้น มีโทษต่อผู้อื่นและตนเองอย่างไร ? จึงได้ละเว้นจากการโกหก พูดแต่ความจริงเท่านั้น
มีความเห็นอย่างชัดเจนว่า การดื่มสุราและเสพติดทั้งปวงนั้น ทำให้สติสัมปชัญญะของตนบกพร่องอย่างไร ? เป็นเหตุให้ล่วงศีลในสิกขาบทอื่น ๆ ได้อย่างไร ? เมื่อเห็นชัดดังนี้จึงละเว้นจากสุรายาเสพติดทั้งปวง
ในเมื่อเห็นชัดว่าปฏิบัติในศีลมีคุณอย่างไร ? ถ้าไม่ปฏิบัติแล้วจะไม่มีโทษอย่างไร ? พระโสดาบันจึงได้ตั้งใจปฏิบัติรักษาศีลยิ่งกว่าชีวิต เพราะศีลเป็นปัจจัยพื้นฐานของความดีทั้งปวง ศีลเป็นบันไดที่จะนำเราไปสู่พระนิพพาน พระโสดาบันจึงรักษาศีลยิ่งกว่าชีวิต แม้มีเหตุให้ชีวิตตกล่วงไปก็ไม่ยอมละเมิดศีล
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2010 เมื่อ 14:30
|