| 
				  
 
			
			"พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังอุรุเวลาเสนานิคม  ระหว่างทางก็ไปพบภัททวัคคีย์ทั้ง  ๓๐   แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีคู่ทั้งนั้น มีเพียงหนึ่งคนที่ไม่มี  จึงต้องไปเช่าหญิงโสเภณีมาควงคู่ด้วย
 ปรากฏว่าตอนอาบน้ำ  หญิงโสเภณีขนทรัพย์หนีไปจนเกลี้ยง..! ขโมยได้ก็หนี  มาณพทั้งหลายขึ้นจากน้ำเที่ยวตามหา  พบพระพุทธเจ้าจึงถามว่า  "โภ ปุริสสะ ดูก่อน..บุรุษผู้เจริญ  ท่านเห็นหญิงผู้หนึ่งพร้อมเครื่องประดับและผ้า ผ่านมาทางนี้หรือไม่ ?"  พระพุทธเจ้าจึงถามเป็นปริศนาธรรมกลับไปว่า  "เธอจะค้นหาผู้อื่น หรือว่าจะค้นหาตัวเองดี ?"
 
 นี่คือเจโตปริยญาณที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่  คือแทงใจดำเลย เพราะรู้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้เหมือนบัวที่พร้อมจะบาน กระทบแสงอาทิตย์เมื่อไรก็บานทันที
 
 พอภัทวัคคีย์ได้ยินพระพุทธเจ้ากล่าวดังนั้นก็สะดุดใจ  ตัดสินใจฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จึงบรรลุอรหัตผลทั้งหมด
 
 พระองค์ท่านก็มุ่งไปยังเป้าที่ต้องการต่อไป  ก็คือ ชฎิลสามพี่น้อง  พระองค์ปักหลักอยู่ที่นั่นเป็นพรรษาเลย  โดยเฉพาะท่านอุรุเวลกัสสปะ  หัวหน้าใหญ่  พระพุทธเจ้าแสดงความสามารถขนาดไหนก็ตาม เขามั่นใจว่าทุกคนสรรเสริญว่าตัวเขาเองเป็นพระอรหันต์
 
 อุรุเวลกัสสปะคิดว่า  "พระสมณะนี้เก่ง  แต่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์อย่างเรา" กี่ครั้งก็ตามที่พระพุทธเจ้าแสดงความสามารถ  ไม่ว่าจะเป็นการปราบพญานาคในเรือนไฟก็ดี  เดินจงกรมขณะที่น้ำป่าหลากมาก็ดี ไปบิณฑบาตที่อุตรกุรุทวีปก็ดี  หรือว่าซักผ้าแล้วต้นหว้าน้อมกิ่งลงมาให้ตากก็ดี ท่านคิดว่าพระพุทธเจ้าเก่ง แต่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์อย่างท่าน
 
 พระพุทธเจ้าท่านต้องการแสดงความสามารถให้เขาเห็นว่า  จริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าทำได้ทุกอย่างและทำได้เหนือกว่าด้วย  พระองค์สู้อุตส่าห์ยอมทนอยู่ด้วย  ๑  พรรษาเพื่อให้เขายอมคลายทิฏฐิมานะ
 
 จนกระทั่งเห็นว่าท่านอุรุเวลกัสสปะ มีอุปนิสัยแก่กล้าพอที่จะบรรลุมรรคผลได้แล้ว พูดง่าย ๆ  ว่าสอนไปก็ไม่เถียงแล้ว  พระองค์ท่านจึงได้ตรัสจี้ใจดำว่า  "ดูก่อน..กัสสปะ แม้กระทั่งความเป็นพระอรหันต์เป็นอย่างไรเธอยังไม่รู้เลย แล้วเธอจะเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร ?"
 
 สรุปแล้วที่คิดอยู่ในใจ โดนลากไส้ออกมาหมดเกลี้ยงเลย ท่านอุรุเวลกัสสปะพอได้ยินจึงได้ยอม ขอให้พระพุทธเจ้าช่วยสอนให้ด้วย ว่าการเป็นพระอรหันต์นั้นเป็นกันอย่างไร"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:16
 |