| 
				  
 
			
			"พระองค์ท่านก็เสด็จไปเพื่อโปรดพระเจ้าพิมพิสารก่อน โดยถือพันธะสัญญาเดิมที่ตกลงกันไว้ว่า ถ้าพระองค์ท่านตรัสรู้แล้ว ให้มาโปรดพระเจ้าพิมพิสารด้วย  
 การที่จะไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร  จู่ ๆ ให้เดินเข้าไป เขาก็อาจจะไม่เชื่อ พระองค์ท่านก็ต้องเล็งหาว่า จะเข้าทางใครก่อนดี   ท่านเล็งไปที่ชฎิลสามพี่น้อง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวมคธเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากบริวารที่ออกบวชเพื่อปฏิบัติตามลัทธิบูชาไฟ มีถึง  ๑,๐๐๐  คน  เราลองนึกว่า  ถ้ามีพระนั่งห่มเหลืองอยู่ ๑,๐๐๐  รูป  แสดงว่าเจ้าอาวาสต้องมีศักยภาพมาก ต้องเก่งมากแน่ ๆ เลย
 
 ในระหว่างที่เดินทางไปหาชฎิลสามพี่น้อง ก็โปรดผู้อื่นระหว่างทาง เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไปเรื่อย เริ่มจากยสกุลบุตรก่อน ได้พระอรหันต์เพิ่มมา  ๑  รูป  ได้พ่อแม่และภรรยาของพระยสะมาเป็นอุบาสกอุบาสิกาชุดแรกในพระพุทธศาสนา ได้สหายเพื่อนพระยสะอีก  ๕๔  คนมาเป็นพระอรหันต์อีก
 
 ในช่วงนั้นก็มีปัญจวัคคีย์  ๕  พระยสะและสหายอีก ๕๕  รวมแล้ว ๖๐ บวกพระพุทธเจ้าอีก ๑ ก็เป็น ๖๑  รูป  ท่านจึงได้เริ่มการประกาศพระศาสนาอย่างจริงจัง  โดยใช้คำพูดภาษาบาลีว่า  จรถ ภิกฺขเว จาริกํ  ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเที่ยวไป  พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ  เพื่อความสุขของชนหมู่มาก  เพื่อประโยชน์ของชนหมู่มาก  โลกานุกมฺปายะ  เพื่ออนุเคราะห์ต่อโลก อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสนํ  เพื่อประโยชน์สุขแก่ทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
 
 บาลียังกล่าวต่อว่า แต่อย่าไปทางเดียวกันสองคน ให้ไปคนเดียว เพราะจำนวนคนยังมีน้อยอยู่  ถ้าไปสองคนจะไม่กว้างขวางพอ  และพระองค์ท่านก็จะเสด็จไปอุรุเวลาเสนานิคมด้วย นั่นเป็นครั้งแรกในโลก ที่กองทัพธรรมได้ยาตราขบวนทัพออกไปเพื่อเผยเผ่ธรรมอย่างจริงจัง"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2010 เมื่อ 17:24
 |