"วิปัสสนึก" (คิด)
หลวงพี่:ไหนโยมลองเล่าถึงวิปัสสนาของโยมหน่อยสิ ว่ามันเป็นอย่างไร?
ทัดฤทธิ์: ขอรับหลวงพี่ ผมเองยังเคยเขียนลงในกระทู้ห้อง
"หลวงพี่เล็ก" ที่เว็บพลังจิตเลยครับ
อย่างนี้ครับ ผมยกตัวอย่างเรื่องของเทียนหนึ่งแท่ง การที่เราจะจุดไฟให้ติดไส้เทียนได้เราก็ต้องมีไม้ขีดครับ ไม่อย่างนั้นไฟก็คงจะไม่สามารถติดได้ครับ นั่นคือเหตุที่ทำให้เกิดแสงสว่างเวลาเราตามเทียนครับ ส่วนเทียนที่สามารถติดไฟได้นั้นก็เพราะ เกิดการสันดาปของความร้อนกับอากาศ ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่งไฟก็ไม่ติดครับ และที่เทียนติดได้นาน ๆ นั้น ก็เพราะมีน้ำตาเทียนเป็นเชื้อเพลิงซึ่งปกติมันเป็นของแข็ง แต่เมื่อโดนความร้อนมันจึงกลายเป็นของเหลว แล้ววิ่งขึ้นไปเป็นเชื้อเพลิงให้ไส้เทียนครับ ตอนนี้ก็คือสภาวะของการตั้งอยู่ครับ หลังจากนั้นเมื่อแท่งเทียนค่อยเล็กลงหรือหดลงเป็นถูกเผาไหม้จนหมด หลังจากนั้นไฟก็ดับครับ ทั้งหมดทำให้เห็นสภาวะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ครับ
หลวงพี่:ท่านเงียบไปแล้วก็ยิ้มมุมปาก แล้วท่านก็ตอบมาว่า นั่นมันคือ
"วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่วิปัสสนา"
ทัดฤทธิ์:






ถ้าอย่างนั้นผมก็ปล่อย
"โง่" ออกไปตัวเบ้อเร่อเลยสิขอรับหลวงพี่
หลวงพี่:
วิปัสสนาญาณคือ สิ่งที่จิตไปรู้ มันเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีการปรุงเอาไว้ก่อน ไม่มีการเตรียมเอาไว้ก่อน เกิด ดับ เกิด ดับ ของมันไปเรื่อย ๆ ที่เราเน้นให้เธอทำสมถกรรมฐานก็เพื่อเธอจะได้มีกำลัง ไม่อย่างนั้นจิตไม่มีกำลังก็ทำวิปัสสนาญาณได้ไม่ดี ดูมันไม่ขาด ของแบบนี้มันต่อเนื่องกัน สักแต่ดู สักแต่รู้อย่างมีสติเท่านั้นนะ ไม่ไปปรุงแต่งต่อ ที่เธอเล่ามาเมื่อกี้นั้น เธอรู้มันแบบโลก ๆ แบบนั้นมันเรียกวิทยาศาสตร์
สมถกรรมฐานจงทำอย่าให้ขาด มันสงบแล้ว อิ่มแล้ว ก็มาพิจารณาต่อไป เบา ๆ แค่รู้ แค่ดูอย่างมีสติ อย่าไปแทรกแซงใด ๆ ที่หลวงพี่สอนเธอเรื่องนี้ โดยที่เราไม่หยิบเรื่องอื่นให้เธอนั้น ก็เพราะเธอทำมามากแล้ว ดูอะไรต่อมิอะไรมากมายแล้ว คราวนี้ดูของในตัวเรานี้แหละ ดู รักโลภ โกรธ หลง ในตัวเรานี้แหละ ตัดภพ ตัดชาติให้ได้นะ
ทัดฤทธิ์: ขอรับหลวงพี่