| 
				  
 
			
			ถาม :  เด็กนักเรียนเขาบอกว่า  ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่  อยากจะออกจากร่างกายนี้  ตอบ : สอนเขาสิ  ให้เริ่มต้นภาวนาเลย   บอกเขาว่า ร่างกายนี้มีอีกร่างซ้อนกันอยู่  เหมือนกับรถและคนขับรถ เราต้องหาทางเปิดประตูลงจากรถให้ได้
 
 วิธีการเปิดประตูลงจากรถนั้น   เขาให้กำหนดความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออก  หายใจเข้ารู้ตามไปจนสุด  หายใจออกรู้ตามไปจนสุด  ลักษณะเหมือนกับเรากำลังเซาะตัวเราที่ติดผนังอยู่   ถ้าหากเราทำไปได้เรื่อย ๆ ในระยะเวลาที่ยาวนานพอ  เราอาจจะเซาะตัวหลุดออกมาแล้วก็ไปได้  คราวนี้เราจะไปไหนก็อยู่ที่เรา
 
 ไม่ได้หลอกเด็กนะ  แต่พูดให้เด็กเข้าใจง่ายที่สุด    แต่ต้องบอกเขาว่า จะต้องมีความอดทนที่จะทำ เพราะกิเลสเขาพยายามจับตัวเราให้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้  เหมือนกับทากาวติดไว้  เราจึงต้องรีบเซาะไปเรื่อย ๆ  ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะไม่ทัน ถ้าทันได้เมื่อไร ก็หลุดได้เมื่อนั้น
 
 ถาม : เด็กเขาคงรู้ทันและทำสมาธิเป็น
 ตอบ :  ทำเป็น  แต่ก็ต้องบอกเขาว่าทำสมาธิไปเพื่ออะไร
 
 ถาม : ต้องกลับไปสอนเขาใหม่อีกรอบด้วย  ว่าร่างกายเป็นคนคิดหรือจิตเป็นคนคิด
 ตอบ : อย่าสอนให้ยากเกิน  ยากเกินเดี๋ยวเขาจะเก่งเกินอาจารย์..!
 
 ถาม : อย่างเวลาเขากิน ก็ถามว่าใครกิน เรากินหรือร่างกายกิน เขาก็จะบอกว่าร่างกายกิน เราไม่ได้กิน  กระตุ้นถามบ่อย ๆ อย่างนี้ไม่ดีหรือคะ?
 ตอบ :  ก็ดี  ถ้าหากปัญญาเขาไม่ถึงระดับที่จะแยกอย่างนั้นได้  เขาก็ฟังผ่านหูไปเฉย ๆ
 
 ถาม : แล้วถ้าเขาถาม...
 ตอบ :  อันดับแรกให้เขารักษาศีลให้ได้ก่อน  เพราะศีลเป็นพื้นฐานของทุกอย่างเลย   ถ้าหากรักษาศีลได้ ต่อไปก็สมาธิ  โดยยืนยันกับเขาไปเลยว่า สมาธิช่วยให้เรียนเก่งแน่นอน
 
 ถาม : แล้วจะล่อหลอกเขาอย่างไร ?
 ตอบ :  ก็บอกให้เขากลับไปทำที่บ้าน ก่อนนอนให้พุทโธสัก  ๓ - ๕ นาทีก็ได้     ถ้าใครอยากเก่งมากก็เพิ่มระยะเวลาขึ้นไป    แต่ควรจะต้องรู้ตัวด้วยว่า เราเองควรจะต้องพักผ่อน  ทำอย่าให้เกิน  ๓๐  นาที  ยกตัวอย่างอาตมาก็ได้ ว่าเรียนตอนแก่ ๆ ก็ยังเก่ง เพราะได้สมาธิช่วย
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-07-2010 เมื่อ 21:51
 |