"กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง" เป็นประโยคในเนื้อร้องของทำนองเพลง เพลงหนึ่ง แต่ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น กระผมเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า
"กลับตัวได้ ให้เดินต่อไป ก็ต้องไปถึง"
แรกเริ่มเดิมที ผมเริ่มถูกทางคือเลือกที่จะเป็นผู้แสวงหาหนทางแห่งความหลุดพ้น ในพระพุทธศาสนา อันมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ แต่ผมหลงไปในวังวนของ อวิชชาคือความไม่รู้ ไม่ถึงกับว่าไม่ได้ประโยชน์อย่างใดเลย ได้ประโยชน์มากหากพิจารณาให้เป็นข้อธรรม แต่ก็เหมือนเดินวนอยู่กับที่ ถ้าเปรียบเทียบให้เหมือนกับลักษณะของการเดินทาง อาจจะเรียกว่าได้ว่า
"เดินอ้อม"
ย้อนกับมาในการสนทนาธรรมกับครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่าน ในที่นี้คงไม่พ้น
"หลวงพี่" เพราะท่านอยู่ใกล้ผมที่สุด กรรมของท่านหรือว่าบุญของผม (เพื่อความบันเทิงในธรรม ขอกราบขอขมาขอรับ หากประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินประการใด)
ทัดฤทธิ์:หลวงพี่ขอรับ พวกน้อง ๆ ในกลุ่มของกระผมหลังจากแตกกระจัดกระจายออกจากกลุ่มปฏิบัติกลุ่มหนึ่งแล้ว เดี๋ยวนี้ทุกคนแทบจะไม่ได้เน้นในเรื่องของการปฏิบัติเลยขอรับ แต่เรื่องของ ทาน ศีล ทุกคนยังมั่นคงเช่นเดิมขอรับ
หลวงพี่ท่านยิ้มมุมปากน้อย ๆ แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
หลวงพี่: ดีแล้วโยม พวกเขาได้ลืมของเก่า ๆ ที่ไปรับมาผิด ๆ.....เวลาคนเราอยู่กับอะไรที่ไม่ถูกหรือเคยชินกับอะไรนาน ๆ มันจะปรับตัวจากสิ่งเหล่านั้นได้ยาก ยิ่งรับมาผิด ๆ กว่าจะปรับปรุงให้ถูกได้มันยาก การเริ่มต้นที่ถูกที่ดีนั้น นับเป็นเรื่องสำคัญ อวิชชานี่มันเป็นตัวทดสอบที่สำคัญเลย ดีนะที่ยังกลับตัวกลับลำกันได้ทันเวลา ทำตามคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีนั่นละ ท่านสอนไว้ดีแล้ว
ทัดฤทธิ์:ขอรับ หลวงพี่ขอรับ กระผมมีเรื่องจะมากราบเรียนปรึกษาขอรับ กระผมได้รับโทรศัพท์จากญาติธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งถือเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์เดียวกัน เขาบอกว่าทุกครั้งที่เขาถอดจิตไปหาครูบาอาจารย์ทุกครั้ง เขาเห็นกายทิพย์ของกระผมทุกครั้ง อยู่ตรงปากทางเข้า แต่เข้าไปหาครูบาอาจารย์ท่านนั้นไม่ได้ จนท่านชี้ให้เขาดูว่ากระผมอยู่ตรงนั้น และท่านพูดกับเขาว่า
"ดูโยมรัตน์สิ ถึงแม้นวันนี้จะยังมาหาอาตมาไม่ได้ มาหาอาตมาไม่ถึง แต่ก็ไม่ลดละในเรื่องของการปฏิบัติ เพราะ"อยาก" ตัวเดียวเท่านั้นที่ขวางเขาอยู่"
กระผมพยายามละความอยากลงแล้วขอรับหลวงพี่ และ "ท่าน" เองเคยบอกกับกระผมว่า
"โยมรัตน์โยมทำได้ดีและเกือบจะดีมากแล้ว โยมละอยากลงได้ แต่โยมทรงกำลังใจแบบนี้ไว้ได้ไม่นานพอ" กระผมควรจะทำอย่างไรดีขอรับ
หลวงพี่:
ทำต่อไป!
ทัดฤทธิ์:

อย่างไรนะขอรับหลวงพี่
หลวงพี่:ก็ทำต่อไปอย่างไร! เราบอกแล้วว่าจิตมีสภาพจำ ทุกครั้งที่โยมปฏิบัติมันก็เหมือนการหยอดกระปุกมันบันทึกเรื่องราวข้อมูลของมันไปเรื่อย เดี๋ยวมันเต็มของมันเองแหละ
"จงทำต่อไป" แล้วไอ้เรื่องของตัวอยาก
"ถ้ายังวางมันไม่ได้ ก็ดูมันเลย"
ให้รู้ว่าขณะจิตนั้นเรายังมีความอยาก มันเลยยังไปไม่ได้ มันเป็นเหตุเป็นผล ความอยากมันเกิดขึ้นได้ เดี๋ยวมันก็ดับลงได้เช่นกัน ดูให้มันเป็นวิปัสสนาญาณไปเลย
ดูให้มันเป็นไตรลักษณ์ไปเลย มันไม่เที่ยงหรอก เราหนีมันไม่ได้ เราก็ดูมันแทนเลย เดี๋ยวจิตมันเบื่อมันก็จะคลายลงเอง คราวนี้แหละ.......มีหน้าที่ทำก็ทำไป
ทัดฤทธิ์:ขอรับ
จดหมายเตือนใจ
"โยมรัตน์ อาตมาอยากให้โยมนิ่งให้มากกว่าที่เป็น ทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายเหมือนปอกกล้วย เมื่อถึงเวลาอะไร ๆ จะเปิดทางให้โยมเอง หลายต่อหลายครั้งที่โยมก้าวเข้ามาเกือบถึงอาตมาแล้ว แต่ความอยากที่มากไปจนกลายเป็นกิเลสที่เป็นฉากกั้นอยู่ จงจำไว้ว่าจะหาอาตมาไม่ยากหรอก ละความอยากในใจออกให้หมด เมื่อเวลาและกุศลผลบุญอำนวยโยมทั้งสองจะได้พบอาตมาเอง อย่าคิดมา "ทางลัด" เพราะมันจะมาไม่ถึงจริงและสิ่งที่เห็นมันจะเป็นแค่ภาพในใจที่โยมปรุงขึ้น"
วันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกัน เมื่อทุกอย่างพร้อม
เจริญพร