| 
				  
 
			
			"พวกเราทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ  นอนตีสองตีสามประจำ  ตีห้าต้องตื่นมาทำงานใหม่  มีเวลาพักผ่อนนิดเดียว  ก็เลยมานึกว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมของพวกเรา ถ้าได้ผ่านช่วงที่ยากลำบาก ต่อสู้ชนิดเอาชีวิตเข้าแลกมา  ถึงเวลาก็จะไม่มีเรื่องยากสำหรับเราเช่นกัน เพียงแต่ว่าเราทั้งหลายนี้  ถึงช่วงนั้นบ้างแล้วหรือยัง ?  
 ช่วงการปฏิบัติที่ว่าถ้าทำไม่ได้ก็ให้ตายไปเลย ถ้าเราทำอย่างนั้นได้เสียครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปจะไม่ยาก เพราะใช้กำลังใจเท่าเดิม  ฉะนั้น..โบราณจึงได้กล่าวว่า ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ เพราะไม่มีอะไรที่จะลำบากไปกว่านั้นอีกแล้ว
 
 ในเมื่อลำบากมาก่อน ถึงเวลาถ้าลำบากเท่าเดิมก็สบายสำหรับเรา  แต่คนที่ไม่เคยลำบากมาก่อนอาจจะถึงตาย หรือไม่ก็เอ็ดตะโรลั่นไปเลย  เพราะทนความลำบากไม่ไหว
 
 ที่เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง  สืบเนื่องจากว่า เพื่อนท่านสวดมนต์ทำวัตรทำกรรมฐาน อุทิศกุศลให้แม่ตลอด  และเรื่องปู่จอมที่ไปสงครามเชียงตุง เดินนับไม้หมอนกลับประเทศไทย  เพราะถึงเวลาถอนกำลังกลับ  ไม่มีใครส่งรถไปรับ ก็ต้องเดินกลับมาเอง
 
 เมื่อดูตัวอย่างของเพื่อนพระหรือปู่จอม จึงได้กล่าวมาถึงตนเองว่า  มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เป็นการทดแทนให้กับพ่อกับแม่  ขณะที่คนอีกจำนวนมากไม่ได้มีโอกาสนี้  แต่ว่าตอนที่ทำก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีเลย ทำเพราะว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ  ทำเพราะเป็นภาระจำยอม  เนื่องจากว่าสภาพของเราไปพอเหมาะพอดีกับตรงนั้นเอง"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-06-2010 เมื่อ 20:24
 |