สร้างกำลังใจให้เข้มแข็ง เอาไว้สู้กับงาน
			 
			 
			
		
		
		
			
			สมัยที่บวชอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ  ท่านให้ปฏิบัติให้มากเข้าไว้  ท่านบอกว่าในช่วงแรกเราต้องสร้างกำลังใจของตัวเอง ให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะสร้างได้  ถ้าหากว่ามีงานเข้ามาเมื่อไร  จะได้มีกำลังไว้สู้กับงาน 
 
ตอนนั้นอาตมาเป็นคนที่ค่อนข้างจะพลังงานเหลือเฟือ ให้ปฏิบัติอย่างเดียวรู้สึกไม่ชอบใจ  อยากมีงานในรับผิดชอบเร็ว ๆ  ในเมื่อไม่มีงานอื่นทำก็หางานทำเอง   
 
งานแรกที่เท่ากับเป็นความผิดชอบก็คือ กวาดถูศาลานวราชบพิตร  เพราะว่าเป็นศาลาที่หลวงพ่อท่านจะต้องลงรับสังฆทานทุกวัน   ปรากฏว่าถูศาลาอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน  มีคนมาแย่งทำ  เขาคงเห็นว่าพระรูปนี้ขยันอะไรนักหนา  ถูอยู่ได้ทุกวัน   
 
ในเวลาทำงานเรากำหนดความรู้สึกตามไปด้วย เวลากวาด เวลาถู  ไม้ถู..ไม้กวาด ไปข้างหน้า ไปข้างหลัง แรงหรือเบา  ยาวหรือสั้น  กำหนดรู้ไปด้วย ก็เท่ากับเราปฏิบัติกรรมฐานไปด้วย  ในขณะที่ทำงานตอนนั้นก็คิดว่า  กำลังของเราสามารถที่จะทำงานได้ 
    
มาในระยะหลัง พอออกจากวัดไปทำงานด้วยตนเอง  จึงพอที่จะเข้าใจที่หลวงพ่อท่านว่ามา  เพราะว่าการทำงานต่าง ๆ เช่น งานก่อสร้างก็ดี การบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดี  จะมีปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในลักษณะที่เป็นแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา  ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว  แต่ถ้าเราสะสมกำลังเอาไว้เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกิเลสได้    
 
คราวนี้ในปัจจุบัน อย่างการบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ หรืองานรับผิดชอบ  เวลามอบให้คนอื่นทำหน้าที่แทนเวลาเราไม่อยู่ ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือ พระครูน้อย(พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) พออาตมากลับไปทีไร ท่านเหมือนกับวางโลกลงไปได้  หายใจได้สะดวกสักที   กลายเป็นว่าการที่ท่านต้องไปรับหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ เพื่อที่จะบริหารวัดให้ดีแค่นั้นของอาตมา  ในความรู้สึกของท่าน คือ เกินกำลังที่จะรับไหว..!
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2015 เมื่อ 12:37
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |